ดร.สุวินัยเผยข้อเสนอสถาบันทิศทางไทยต่อรบ. กรณีม็อบ19กันยา

0

จากที่วันที่ 19 ก.ย.63 นี้ทางม็อบเยาวชนปลดแอก รวมทั้งแนวร่วมต่างๆจะจัดการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะที่ทางมหาวิทยาลัย ได้มีประกาศไม่อนุญาต ซึ่งท่าทีของรัฐบาลก็ระบุการมาทำเนียบต้องไม่เกิน50 เมตรอาจผิดกฏหมายนั้น

ล่าสุดวันนี้(17ก.ย.63) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย และอดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าการประเมินสถานการณ์ และข้อเสนอของสถาบันทิศทางไทย ต่อรัฐบาลด้วยว่า

การประเมินสถานการณ์​การชุมนุม 19 กันยายน 2563 และข้อเสนอของสถาบันทิศทางไทย​ ต่อรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

#สถาบันทิศทางไทย

***การประเมินสถานการณ์***

(1) ที่ผ่านมาม็อบไม่เคยชนะรัฐบาลไม่ว่าจะออกมามากขนาดไหน​ หรือใช้ความรุนแรง

1.1 พันธมิตร​ฯ มีคนออกมา​ 150,000 คน กดดันรัฐบาลไม่ได้​ จบลงด้วยการยึดอำนาจปี 2549

1.2 นปช.​ ปี​ 52 ไม่มีกองกำลัง​ สลายการชุมนุมได้

1.3 นปช.​ ปี​ 53 มีมวลชนออกมา​ 120,000 คน มีกองกำลัง​ชายชุดดำ ยิงทหาร​ ยิงผู้ชุมนุม​ สร้างสถานการณ์รุนแรง​ล้มรัฐบาล​ ปรากฎคลิปชายชุดดำ ทำให้รัฐบาลยังอยู่​ และสลายการชุมนุม​ได้

1.4 กปปส.​ มวลชน​ 2.5 ล้าน​คน ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้​ ถูกชายชุดดำยิงเสียชีวิต​ 27 คน​ จบลงด้วยการยึดอำนาจปี 2557

(2) นักศึกษาชุมนุมดาวกระจายในหลายจังหวัด​ มีมวลชนเข้าร่วมน้อย​ (แต่ละที่​ 50-200 คน)​

การชุมนุมใหญ่​ 10 สิงหาคม​ (มธ.รังสิต)​ 5,000 คน​ การชุมนุม​ 16 สิงหาคม​ (อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย)​ 10,000 คน​

คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้สึกร่วมด้วย​ ผลโพลล์​ระบุ​คนไทย​ 85% เชื่อว่ามีนักการเมืองและต่างชาติ​ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง​การชุมนุมของกลุ่มปลดแอก

(3) การชุมนุมยืดเยื้อทำยาก​เพราะ

3.1 มีปัญหา​ท่อน้ำเลี้ยง​ ผู้ชุมนุม​ต้องใช้​ 200 บาท/คน/วัน​ ถ้าผู้ชุมนุม​ 10,000 คน​ต้องใช้​ 2 ล้านบาท/วัน​ ผู้ชุมนุม​ 50,000 คน​ต้องใช้​ 10 ล้านบาท/วัน​

3.2 มีปัญหาระหว่าง​ท่อน้ำเลี้ยงกับการ์ดแดง​ ปกรณ์ (ท่อน้ำเลี้ยง)​โพสต์ว่า​ เสื้อแดง​ มาร่วมได้​แต่​อย่าเสือก​ อย่าสร้างความวุ่นวาย​ สมบัติ​ ทองย้อย​ ตอบโต้ว่า​ เสื้อแดงน่ารังเกียจตรงไหน

3.3 ปัญหาชิงการนำ​ ระหว่าง​ กลุ่มปลดแอก​ กับ​ นักการเมืองพรรคเพื่อไทย​ เรื่อง​ 10 ข้อเรียกร้อง​ ( 1 ความฝัน)​ เพนกวิน/รุ้ง​ เคยถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเวทีวันที่​ 16 สิงหาคม ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร​ เพราะเพื่อไทยไม่อยากให้พรรคตัวเองถูกโยงกับเรื่องสถาบัน

(4) รัฐบาลต้องตระหนักว่าการชุมนุมมีเบื้องหลัง​ ใช้เด็กออกมาเป็นแนวหน้า​ เชื่อมโยงไปที่นักการเมืองและองค์กรต่างชาติเบื้องหลัง​ เป็นการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำเป็นตัวเป็นตน​

กลุ่มนำคือ​ เพนกวิน/รุ้ง​ ขาดวุฒิภาวะ​ มุทะลุ​ ไม่มีประสบการณ์ในการนำมวลชน​ แต่พร้อมเสี่ยง​ พร้อมปะทะ​ เจรจาด้วยยาก​

ธนาธร​ ปิยบุตร​ จะออกมาขานรับ​และรับช่วงต่อเมื่อยุทธวิธีแรกบรรลุผล​

ดังนั้นการชุมนุมถูกออกแบบให้เป็นการรวมตัวเพื่อ​ยั่วยุประชาชนที่จงรักภักดีให้ทวีความเกลียดชัง​ รวมถึงสร้างความวุ่นวาย​

หรือ​ “ช็อคสถานการณ์” ​ โดยทำให้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่​ อาจถึงเลือดตกยางออกหรือเสียชีวิต​ (แบบ​แยกคอกวัว 10 เม.ย.​ 2553) และนำไปขยายผลผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียที่เป็นพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ​ เพื่อสร้างแรงกดดันและสร้างกระแสไปทั่วโลก​ โดยเป้าประสงค์จะโยนบาปให้รัฐบาลรับผิดชอบ​​หรือให้ทหารทำรัฐประหาร​

(5) การชุมนุมในช่วงนี้มีความเสี่ยงในการระบาดโควิด-19 รอบสอง​

เพราะเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมากซึ่งถ้าหากไม่เฝ้าระวังและคัดกรองอย่างถูกต้องและเกิด​ super​ spreader​ ขึ้นมาจะยิ่งซ้ำเติมวิกฤติโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัวขึ้นแล้วให้หนักลงไปอีก

***ข้อเสนอ​ของสถาบันทิศทางไทย***

(1) เปิดให้ชุมนุมโดยใช้พื้นที่สนามหลวงบางส่วน​​​

ฝ่ายรัฐต้องไม่สร้างเงื่อนไขขัดขวางหรือทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ ซึ่งจะทำให้ม็อบอ่อนกำลังลงไปเอง​

กองหน้า​ (เพนกวิน, รุ้ง)​ ที่เป็นพวกหัวรุนแรง​พร้อมปะทะ​ จึงต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยใช้อำนาจ​รัฐ​

แต่ควรใช้วิธีถ่ายทอดสดให้เห็นว่าแกนนำไร้วุฒิภาวะและเตรียมใช้ความรุนแรง​เสียเอง​ (ซึ่งได้ผลจากกรณีสาดสีใส่ตำรวจของนักร้อง​ bottom blue​ ที่มีผลออกมาในทางลบ)​

(2) เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประสานกับการ์ดของผู้ชุมนุมเพื่อทำข้อตกลงเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าชุมนุม​ โดยให้มีการตรวจอาวุธ​อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันบุคคลไม่ทราบฝ่ายแทรกซึมเข้ามาสร้างสถานการณ์รุนแรง

(3) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องประสานกับการ์ดของผู้ชุมนุม​ เรื่องมาตรการคัดกรอง​ การตรวจอุณหภูมิ​ การรักษาระยะห่างทางสังคม​ เพื่อเฝ้าระวัง​ความเสี่ยงที่การชุมนุมจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ​ super spreader

(4) ต้องเปิดให้การชุมนุมเป็นพื้นที่สว่างผ่านการถ่ายทอดสดของ​ NBT (ไม่ต้องถ่ายทอดเสียง)​ และสื่อต่างๆ​ เพื่อให้ทุกเหตุการณ์อยู่ในสายตาของประชาชนส่วนใหญ่​ จะป้องกันการแทรกซึม​ แฝงตัว​เข้ามาใช้ความรุนแรงช็อคสถานการณ์

(5) เตรียมแผนรับมือการข่าวผ่านโซเซียลมีเดีย​ และการชี้แจงต่อต่างชาติอย่างเป็นระบบและทันท่วงที​

ต้องมีปฏิบัติการตอบโต้ข่าวปลอม​ทันที​ และกำหนดตัวผู้รับผิดชอบการแถลงต่างๆของรัฐที่ชัดเจน​ (แบบเดียวกับศูนย์​ ศบค.)​

กระทรวงดิจิตอล​ต้องจัดทีมเทคนิคตรวจความเคลื่อนไหวการปั่นกระแสผ่านโซเซียลมีเดียจากต่างประเทศ​ และสามารถนำข้อมูลมาเป็นหลักฐานได้ทันที(6) ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด​

สถาบันทิศทางไทย

ที่มา : เฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai