จากที่กรมราชทัณฑ์ เตรียมปล่อยตัวผู้ต้องขังรอบแรกวันที่ 15 ก.ย.นี้จำนวน 2,781 คน โดยมีรายชื่อคดีการเมืองที่ได้รับการอภัยโทษปล่อยตัวในรอบแรก นพ.เหวง โตจิราการ และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์
ทั้งนี้โดยทั้งสองเป็นผู้ต้องขังในความผิดมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณีนำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคนบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ เมื่อปี 2550 ถูกศาลฎีกา สั่งจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้ต้องขังในความผิดคดีฉ้อโกงเงินซื้อปูนของบริษัทเอกชนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาให้จำคุก 2 ปี เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 62, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายพายัพ ปั้นเกตุ และจะได้รับการปล่อยตัวในรอบต่อไปคือวันที่ 30 ก.ย.63นี้
อย่างไรก็ตามทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตามมาตรา 6 (1) และ (2) (จ) เช่นเดียวกับผู้ต้องราชทัณฑ์อื่นๆ ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษปล่อยตัวประมาณ 27,000 คน ทั้งนี้ ผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวจะต้องทยอยเข้ารับการอบรมเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยในโครงการโคกหนองนา 15 วันก่อนปล่อยตัว
ล่าสุดวันนี้(15 ก.ย.63) ที่บริเวณด้านหน้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ในช่วงบ่ายจะมีการปล่อยตัว นพ.เหวง โตจิราการ , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ นายพงศ์พิเชษฐ์ หรือ พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังได้รับการอภัยโทษ โดยทั้ง 3 รายเป็นผู้สูงอายุประกอบกับมีอาการป่วยต้องเข้ารับการรักษาสุขภาพ
ทั้งนี้โดย นพ.เหวง มีปัญหาบ้านหมุนอยู่แล้ว แต่มีอาการปวดฟัน ต่อมลูกหมาก ไส้เลื่อน เป็นเพิ่มมาอีก ทั้งนี้ ในภาพรวมผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษ ถือเป็นเรื่องดีช่วยลดความแออัดในเรือนจำ เพราะส่งผลต่อสุขภาพผู้ต้องขัง และคนจำนวนมากได้รับประโยชน์หลังถูกจำกัดอิสรภาพ
นอกจากนี้นางธิดา ยังกล่าวถึงการชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไม่มีแกนนำชัดเจนนั้นและอาจควบคุมไม่ได้ มองว่าเป็นเรื่องดีที่ชูเนื้อหาเป็นสาระในการนำซึ่งมีหลัก 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ยุบสภา 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.หยุดคุกคามประชาชน มองว่าทั้งสามเป็นเอกภาพ ตามความเข้าใจเมื่อเป็นเอกภาพทั้งประเทศ หมายความว่าไม่ว่าคุณจะจับแกนนำหรือจะทำอย่างไร คนอื่นๆ ก็จะนำด้วยเนื้อหาอันนี้เช่นเดียวกัน เป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย และไม่ยึดติดกับตัวบุคคลด้วย โดยมีสื่อโซเชียลเป็นหลักในการนัดหมาย ถ้าเป็นอดีตจะต้องมีแกนนำ แล้วแกนนำจะเป็นคนสั่งการได้ จึงอาจเป็นปัญหาได้หากต่างคนต่างพูด