จากกรณี(31 มี.ค.63) จากที่มีการนำเสนอข่าวว่า กระทรวงกลาโหม ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้ อนุมัติจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก จากจีน โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ นั้น
ต่อมาพลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมายืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการขออนุมัติต่อเรือยกพลขึ้นบก เพราะโครงการนี้ ผ่านการอนุมัติ และมีการทำสัญญาไป ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 แล้ว แต่เรื่องที่เข้าครม.วันนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรือ เช่น การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบ เรือ, การเตรียมส่งทหารไปฝึก เมื่อสถานการณ์โควิดฯคลี่คลายกองทัพเรือ จะมีการชี้แจงในรายละเอียดภายในวันนี้
“กองทัพเรือไทย ทำสัญญา ต่อเรือ LPD ยกพลขึ้นบก ลำใหม่ จากจีน เพื่อเป็นเรือพี่เลี้ยง ให้เรือดำน้ำ และ เพื่อภารกิจ ยกพลขึ้นบก บรรเทาสาธารณภัย เสริมภารกิจ เรือหลวงอ่างทองด้วย
โดยมี พลเรือเอก ช่อฉัตร กระเทศ รองผบ.ทร. ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานที่ปรึกษาทร. ในฐานะประธานคณะกรรมการฯลงนาม กับจีนในสัญญาการต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD จากจีน 1ลำ เมื่อ พ.ย.2562 งบ 6,100 ล้านบาท
ทั้งนี้วาระการประชุมครม.ระบุข้อความไว้ว่า “ขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ” ซึ่งข้อความนี้ไม่ได้บอกว่า เป็นการขอจัดซื้อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่แต่อย่างใด เป็นเพียงขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
อย่าไรก็ตามพบว่าเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 เว็บไซต์ https://www.lapluangprangchannel.com/?p=28598 ได้เผยแพร่ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุถึงเพจเรือรบราชนาวีไทย ที่เผยแพร่ภาพพร้อมเนื้อหาข่าว ที่เปิดเผยการลงนามกับจีนว่า
ทัพเรือไทย ทำสัญญา ต่อเรือ LPD ยกพลขึ้นบก ลำใหม่ จากจีน แล้ว….”บิ๊กช่อ” ว่าที่ รองผบ.ทร. ลงนาม แล้ว…. หลังจาก “บิ๊กลือ” ผบทร.” ทำพิธี วางดระดูกงูเรือ ดำน้ำ เมื่อ วันเรือดำน้ำ4 ก.ย.62ที่ผ่านมา
หลังเคยต่อลำแรก เรือหลวงอ่างทอง จากสิงคโปร์ … แต่หันมาต่อกับจีนแทน
เพจ เรือรบราชนาวีไทย …..เผยแพร่ภาพ “บิ๊กช่อ” พลเรือเอก ช่อฉัตร กระเทศ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. และว่าที่ รองผบ.ทร.ในฐานะ ประธานคณะกรรมการฯลงนามกับจีนในสัญญาการต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD จากจีน 1ลำ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ใช้งบประมาณ กว่า 4 พันล้าน บาท
โดย เมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และคณะเดินทางไปจีน เพื่อทำพิธี วางกระดูกงูเรือดำน้ำS26T ที่ต่อจากจีน และติดตามความคืบหน้า การต่อเรือ เมื่อ4ก.ย.2562 ที่เป็น วันเรือดำน้ำ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจาก กองทัพเรือ มีความจำเป็นในการใช้เรือยกพลขึ้นบก จากเดิมที่มี เรือหลวงอ่างทอง เพียงลำเดียว โดย เป็นเรือLPD ที่ต่อจากสิงคโปร์ 4.9 พันล้าน โดยเรืออ่างทอง มีภารกิจมากมาย
เพราะหลายภารกิจ การนำเรือหลวงจักรีนฤเบศร ออกไป ไม่คุ้มค่า เพราะ เรือใหญ่เกินไป ในช่วงที่ผ่านมา ทร. ใช้เรือหลวงอ่างทอง มากกว่า
โดย ทร. ไม่ต่อLPD ลำที่2 จาก สิงคโปร์ แต่จะต่อจากจีน แทน ซึ่งมีคุณภาพทัดเทียม. และมีราคาถูกกว่า และ ถือเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ กับจีน
ทั้งนี้ เดิม ในกองทัพเรือไทย มีเรือที่ต่อจากจีน 7 ลำ ซึ่งถือเป็นเริอหลัก ของ ทร.ไทย. คือ เรือฟริเกตชุด เรือหลวงเจ้าพระยา รล.บางปะกง รล.สายบุรี รล.กระบุรี และ เรือฟริเกต ชุด รล.ตากสิน รล. นเรศวร และ เรือส่งกำลังบำรุง รล.สิมิลัน
นอกจากนี้ หลังจากที่ มี พรบ.รักษาความมั่นคงของชาติทางทะเล 2562 ออกมาแล้ว. ที่เปรียบเสมือน กอ.รมน.ทะเล ทำให้ ทร. ต้องมีการปรับโครงสร้าง ทร.ใหม่ โดยจะเพิ่ม 12 สำนักงาน ด้าน กอ.รมน. ทางทะเล ขึ้นมารองรับ งานที่กว้างขวาง มากขึ้น
และมีภารกิจทางทะเลมากขึ้น
Page: Thai Navy warship
Wassana Nanuam
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2562 ยังปรากฏว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้กล่าวถึงการจัดซื้อเรือแอลพีดี (LPD) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ใช้งบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาทว่า เป็นคนละเรื่องกับศร.ชล เดี๋ยวจะหาว่าทหารเรือฉวยโอกาสต่อเรือใหม่ ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่ แต่เป็นไปตามแผนโครงสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออยู่แล้ว และยืนยันไม่ใช่ซื้อมารบอย่างเดียว หากถามว่าประชาชนจะได้อะไร ซึ่งเครื่องมือภายในเรือ 2ลักษณะ คือ ใช้ในการทหาร และช่วยเหลือประชาชน ไปพร้อมๆกัน
เมื่อถามว่ามีเรือลำนี้มีไว้ทำไม พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า เพราะไม่เพียงพอ เรือยกพลขึ้นบกของกองทัพเรือที่มีอยู่ 4ลำ ปลดระวางทั้ง4ลำ และมีมาทดแทนแค่ลำเดียว จึงต้องหามาทดแทนเรือที่หายไป ส่วนเหตุผลที่จัดซื้อเรือขนาดใหญ่ กว่า2 หมื่นตันจากจีนนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวว่า เรือขนาดใหญ่ถูกบรรจุอยู่ในโครงสร้างกำลังรบ ซึ่งความสัมพันธ์ในอาเซียนเรามีการก่อตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยนานาชาติร่วมกัน จึงจำเป็นต้องใช้เรือขนาดใหญ่ในกิจการด้านการให้ความช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งคิดว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะให้ความช่วยประชาชนทั้งในและนอกประเทศ
“สมรรถนะของเรือลำนี้ได้ผ่านการฝึกร่วมกับจีนมาแล้ว เราได้เห็นและได้ทดสอบ ว่าเรือใช้งานได้เหมาะสมที่สุดกับกองทัพเรือไทย ส่วนเพื่อนบ้านจะมีเรือขนาดเล็กหรือเรือใหญ่กว่านี้ก็เป็นเรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน เราไม่ขอวิจารณ์ “พล.ร.อ.ลือชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ฟังก์ชั่นที่ทางจีนให้มีอะไรพิเศษหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวปฎิเสธตอบถึงรายละเอียด เพราะต้องให้เกียรติทางการจีน เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี ซึ่งเรือดังกล่าวทางการจีนยังคงใช้ประจำการอยู่ แตกต่างจากแต่ก่อนที่ไทยจัดหาอาวุธยุทธโทรปกรณ์ เรามักจะได้ซื้อรุ่นที่ตกชั้นที่เขาไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งบางประเทศจะไม่ยอมขายยุทโธปกรณ์ที่ยังใช้ประจำการอยู่ แต่นี่ถือว่าจีนใจกว้าง ฉางไป่ซาง เค้าใช้อย่างไรเราก็ใช้อย่างนั้นเหมือนกันทุกประการ ดังนั้นเราจึงต้องเคารพความลับทางทหารของเขาด้วย