จากกรณีวันนี้(31มี.ค.63) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ ศรภ.ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งระบุเนื้อหาว่า
สหรัฐฯ , ไทย กับ โควิด -19
ในสหรัฐฯ นั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของสหรัฐฯเอง ได้ประเมินว่าในเดือน เม.ย. จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มถึงล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนประมาณ 5-6 เท่าของปัจจุบันนี้ นั่นหมายถึงยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น แตะยอด 1 แสนคนได้ง่ายๆ
ถามว่า สหรัฐฯอยากปิดประเทศไหม หรือปิดเป็นรัฐๆไปโดยเฉพาะรัฐนิวยอร์คและโซน LA ซึ่งมียอดผู้ป่วยโควิคสูงสุด แน่นอนสหรัฐฯอยากปิด แต่ความเป็นตัวอย่างของประเทศประชาธิปไตยแบบตะวันตกและกลัวเสียผลประโยชน์ทางการค้า ถ้าไม่ปิดสหรัฐฯก็ไม่ต้องให้เงินชดเชยคนงานตามกฎหมายต่างๆ เหตุผลนี้ทำให้สหรัฐฯต้องคิดช้าลงในเรื่องนี้ เสมือนจะรอให้ยอดผู้ป่วยเพิ่มถึงแสนคนจึงค่อยปิด เพราะกลัวจะไป “ขัดต่อเสรีภาพส่วนบุคคล” และการค้าขาย
ด้วย เหตุผลแบบนี้มั้ง องค์กรแอมเนสตี้ประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินคนไทย จึงจำเป็นต้องออกมาค้านว่ารัฐบาลไทยจำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหว ทั้งทางร่างกาย และทางโซเชียล ซึ่งอาจจะทำให้ไทยติดโรคเพิ่มขึ้น เพราะขนาดนี้คนไทยยังรู้สึกว่ารัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินช้าไป ถึงขั้นที่ประชาชนต้องเข้ามาต่อว่ารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ความเลวร้ายของประชาธิปไตยแบบตะวันตก ซึ่งครอบงำ NGOs ส่วนหนึ่งด้วยเงินทุน เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นครับ เช่นเดียวกับการโพสต์ทั้งจริงทั้งเท็จก็มีมากขึ้นตามลำดับ
เดือน เม.ย. 63 นี้ เป็นเดือนที่ตัดสินโชคชะตาของประเทศไทยทีเดียวว่าจะดีขึ้นหรือเลวลง ทุกคนคิดได้ ทำได้ แต่ต้องดูถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเด็ดขาดครับ และอย่าเชื่อข่าวเหลวไหลอีกด้วย ประเทศไทยถึงจะรอดครับ