จากที่ศาลอาญา นัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหา นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชีวารักษ์ แกนนำมวลชนกลุ่มประชาชนปลดแอก ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล
ทั้งนี้จากที่เมื่อวันที่ 8 ส.ค.63 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง 2 ผู้ต้องหา คดีปราศรัยปลุกปั่นยุยง ฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ได้เกิดการรวมตัวของบุคคลผู้สนับสนุน บริเวณหน้ามุกบันไดทางขึ้นศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้ยืนขึ้นตะโกนส่งเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณาเพื่อชักชวนให้บุคคลอื่นๆเดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล
“รวมทั้งการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด)ภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ การกระทำดังกล่าวของนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ถือว่า เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล”
โดยในวันนี้นายพริษฐ์ ได้เดินทางมาฟังการไต่สวนของศาล พร้อมเปิดเผยก่อนขึ้นห้องพิจารณาคดีว่า ตนมั่นใจว่า ไม่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเมิดศาล และขอให้ศาล ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณากรณีนี้ด้วยความเป็นธรรม โดยขอให้ต่อสู้คดีนี้ไปตามข้อเท็จจริง และเชื่อว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ให้ศาล เห็นว่า การไลฟ์สดที่บริเวณศาล ไม่เข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล เพราะไม่ได้กระทำในบริเวณภายในห้องพิจารณาคดี อย่าใช้กฎหมายนี้พร่ำพรื่อ
ขณะที่ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของ นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้เตรียมพยานบุคคล ไว้ประมาณ 3 – 4 ปาก เพื่อชี้ให้ศาลฯเห็นว่า นายพริษฐ์ ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นฯหรือ ละเมิดอำนาจศาล และขอดูว่าฝ่ายผู้กล่าวหา เตรียมพยานหลักฐานใดไว้บ้าง ดังนั้นจึงยังไม่สามารถระบุได้ว่า การไต่สวนจะแล้วเสร็จ จนศาลมีคำสั่งในวันนี้เลยหรือไม่
ต่อมาภายหลังขึ้นห้องพิจารณานานประมาณ 2 ชั่วโมง นายพริษฐ์ พร้อมทนายความ ได้เดินลงมาโดยเปิดเผยว่า ศาลได้เลื่อน การไต่สวน คดีละเมิดอำนาจศาล ที่ตนตกเป็นผู้ต้องหา ออกไปเป็นวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ในเวลา 09:00 น. เนื่องจากทาง เจ้าหน้าที่ศาล ได้ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ซึ่งระบุว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งตนก็ยังไม่รู้ว่าหลักฐานที่ว่าคืออะไร ส่วนตนเองขอยืนยัน ไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล ตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา เพราะตนเองนั้น ไม่ได้เข้าไปวุ่นวาย หรือสร้างความปั่นป่วนในห้องพิจารณาคดี แต่การวิพากษ์วิจารณ์ของตน เกิดขึ้นบริเวณหน้าศาล จึงไม่ใช่การละเมิดอำนาจศาลอย่างแน่นอน
ด้าน นาย กฤษฎางค์ เปิดเผยด้วยว่า สำหรับหลักฐาน ที่ใช้ประกอบการแก้ต่างในคดีนี้คือซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ในวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา ว่าเพนกวิน ได้พูด และวิพากษ์วิจารณ์ กระบวนการยุติธรรมในกรณีของลูกชายมหาเศรษฐี ขับรถชนตำรวจแล้วหนี เท่านั้น และ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์นอกห้องพิจารณาไม่ได้เข้าไป กดดันหรือสร้างความวุ่นวายในห้องพิจารณาเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาหรือทำให้การทำงานของศาล ติดขัดแต่อย่างใด ยังไม่ใช่การละเมิดอำนาจศาล