จากกรณีที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ขออนุญาตใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2563 และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุมได้มีการแถลงข่าวถึงรายละเอียดการชุมนุมไปแล้วนั้น
ต่อมาทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจง เนื่องจากการขออนุญาตดังกล่าว ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศเรื่องแนวทางการอนุญาตจัดชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษา ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2563 ซึ่งกำหนดแนวทางเพื่อใช้กับการจัดกิจกรรม ชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาทุกกลุ่มในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อเพื่อส่งเสริม
การเรียนรู้ในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความรับผิดชอบ ภายในขอบเขตของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และการเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างตามระบอบประชาธิปไตย โดยควบคู่กับการดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของนักศึกษา
เพื่อให้การใช้ประกาศนี้เป็นไปโดยเสมอภาคสำหรับนักศึกษาทุกกลุ่ม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงไม่อนุญาตให้กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมได้จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติตามประกาศโดยถูกต้อง ทั้งนี้แนวทาง 3 ข้อ ที่ประกาศเมื่อ 3 กันยายน 2563
ขณะที่ทางด้าน เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า เพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak เคลื่อนไหวถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า “ถึงแม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ในการชุมนุม เราก็จะจัดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์กันต่อไป เพราะธรรมศาสตร์เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของขี้ข้ารับใช้เผด็จการไม่กี่คน”
ล่าสุดทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ “กบฏวังหลวง” มีเนื้อหาดังนี้… กบฏวังหลวง วันนี้จะเล่าเรื่องในประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 70 ปีที่แล้ว มีความพยายามก่อการยึดอำนาจของคณะบุคคล เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2492 ภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์
เหตุที่ตั้งชื่อว่ากบฏวังหลวง เนื่องจากผู้ก่อการได้ยึดพระบรมมหาราชวังและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยใช้กองกำลังจากทหารเรือ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลุ่มคนจากเสรีไทย ใช้ชื่อแผนปฏิบัติการนี้ว่า “ช้างดำ ช้างน้ำ” คณะกบฏได้ออกคำสั่งปลดนายกฯ จอมพล ป. และปลด ผบ.ทบ. ประกาศจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังถูกปราบปราม นายปรีดีหลบหนีไปต่างประเทศ
ที่เล่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเบิ้ม ๆ ที่ออกมาขู่ ไม่ได้กล่าวหาอะไรใครที่จะชุมนุมในวันที่ 18 และ19 กันยายนนี้ แต่อยากเตือนผู้ปกครองของวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาที่จะมาร่วมชุมนุมในวันนั้น สนามหลวงเป็นเขตพระราชฐาน ในความดูแลของ กทม. การยึดสนามหลวงเป็นที่ชุมนุมมีความผิดหนักมาก
อย่าลืมนะ แกนนำหลายคนเคยชื่นชมฮ่องกงโมเดล สนิทสนมกับโจชัว หว่อง ที่เผาบ้านเผาฮ่องกงจนเศรษฐกิจทรุดตัว ชุมนุมครั้งนี้ จะเลียนแบบฮ่องกงโมเดลหรือไม่ มั่นใจได้ว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว
คำเตือนที่สอง เด็ก ๆ ที่เข้าร่วมชุมนุม อยากส่งคำเตือนนะ เข้าง่ายออกยาก อยากกลับบ้านจะไม่ได้กลับ เด็ก ๆ จะตกเป็นตัวประกันหรือโล่ห์มนุษย์ โดยคาดหวังว่า เจ้าหน้าที่จะไม่กล้าทำอันตราย แต่เด็กๆอาจต้องนั่งกอดคอร้องไห้อยากกลับบ้าน ยิ่งห้ามจะเหมือนยิ่งยุ เอาเถอะอยากทำอะไรก็เชิญ แต่ระวังตัวหน่อยเพื่อความปลอดภัย อย่าเชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ แม้แต่แกนนำก็ยังไม่เอาลูกเมียมาร่วมชุมนุมเลย
ที่มา : Nantiwat Samart