พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า…
1 พระองค์ และ 1 คน
ขอนำเรื่องที่เขียนไว้นานแล้วมาให้อ่านอ่านอีกทีครับ
พระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ ( พระราชบิดาของสมเด็จพระบรมราชินีนารถ อลิซาเบทที่ 2 ) จำเป็นต้องเสด็จ ขึ้นครองราชย์ ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีปัญหาเนื่องจาก
ไม่สามารถมีพระราชดำรัสที่ต่อเนื่องได้
แต่ขณะนั้น อังกฤษ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ท่ีกำลังเข้าสู่สงคราม ดังนั้น
อังกฤษ จึงจำเป็นต้องมี ศูนย์รวมใจของชาติ ไม่ให้คนในชาติคิดไปคนละทิศคนละทางทาง
พระเจ้า จอร์จที่ 6 จึงจำเป็นจะต้อง ฝึกฝนเอาชนะ เรื่องท่ีไม่สามารถมีพระราชดำรัส ต่อเนื่องได้
ให้เป็นผลสำเร็จ เพื่อท่ีจะสามารถ กล่าวปลุกปลอบพสกนิกรของพระองค์
ให้ลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติ
ในภาวะสงคราม ซึ่งในที่สุด พระองค์ก็ทรงทำได้สำเร็จ
เพราะเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงประทับ อยู่ในลอนดอนกับประชาชน
ไม่ได้หนีสงครามไปไหน ทุกคนก็สู้ไม่หนีไปไหนด้วย
กลับมาที่ วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอารมณ์ร้ายของ อังกฤษ ผู้ที่ประกาศ
ไม่ยอมแพ้ แก่ ฮิตเลอร์
แต่เสียงสนับสนุนให้ต่อสู้ ในสภาฯก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อเยอรมัน
ใช้เวลาเพียง 6 อาทิตย์กว่า ๆ ก็ตีฝรั่งเศส พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
คนอังกฤษที่ร่ำรวย
ส่วนหนึ่งจึงคิดว่า อังกฤษ จะสู้กับทัพนาซีไม่ได้ ควรสงบศึกจะดีกว่า
เพราะขนาดฝรั่งเศส ยังแพ้ภายใน 6 สัปดาห์เลย โดยคนอังกฤษพวกนี้ ลืมคิดไปว่า ที่ฝรั่งเศสแพ้นั้นมาจากหลายสาเหตุ คือ (1) ไม่มีพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจ (2) ภูมิประเทศง่ายต่อการบุกของรถถัง แต่ของอังกฤษเป็นเกาะ (3) ระบบ การปกครองก็สร้างความแตกแยก
ขึ้นในชาติด้วยความหลากหลายลัทธิ และ ความเชื่อ
เป็นการแพ้ ทั้ง ๆ ที่กำลังรบยังมีเหลืออีกมากมาย มหาศาล
กลับมาที่อังกฤษต่อ วันหนึ่ง พระเจ้าจอร์จที่ 6 ซึ่งในระยะแรกไม่ค่อยชอบหน้า เชอร์ชิลนัก แต่ต่อมาได้เห็นนิสัยและจิตใจที่รักชาติ ของเชอร์ชิล จึงได้เสด็จไปพบ เชอร์ชิล กล่าวสนับสนุน และ ให้กำลังใจ ในการยืนหยัดสู้กับ ฮิตเลอร์ว่า “เขาเป็นผู้นำคนเดียวที่ฮิตเลอร์หวั่นเกรง ”
ก่อนกลับพระองค์ได้ทรงเตือนสติเชอร์ชิลผู้เกิดในตระกูลขุนนาง เป็นชนชั้นสูงที่ไม่เคยสัมผัสประชาชน ไม่เคยนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถเมล์ แม้กระทั่งไปจ่ายตลาดเอง ว่า
“ หากยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ให้ลองเดินไปฟังเสียงประชาชนดูบ้าง
ว่าพวกเขาคิดอย่างไร ”
เชอร์ชิล เชื่อถือ พระเจ้าจอร์จที่ 6 จึงแอบไปลองไปนั่งรถไฟใต้ดิน
แอบไปพูดคุยและฟังชาวกรุงลอนดอน พูดคุยกันว่า
พวกเขาคิดอย่างไรกับสงคราม ปรากฏว่าทุกคน ตั้งแต่คนแก่ยันเด็ก ๆ ยอมสู้ตาย
ไม่ยอมแพ้หรือเจรจากับจอมเผด็จการฮิตเลอร์ ทำให้
เชอร์ชิล มั่นใจว่า เขาต้องทำในสิ่งที่ประชาชนต้องการ และเขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน
อีก 2 เดือนต่อมา เยอมัน โจมตีทางอากาศ ต่อเกาะอังกฤษอย่างรุนแรง ทั้งกลางวัน
กลางคืน เป็นเวลาหลายเดือน ต่อเนื่องกัน
แต่พระมหากษัตริย์ และ นายกรัฐมนตรี ของอังกฤษ 1 พระองค์ 1 คน
ได้ร่วมมือกันพูดปลุกใจ ประชาชน ข้าราชการ ทหาร ขุนนาง
ให้ร่วมกันต่อสู้ และ อดทน ทางวิทยุกระจายเสียงเกือบทุกวัน
ดังนั้น คนอังกฤษจึงสู้ ทั้งในแนวหน้า และ แนวหลัง ไม่ยอมแพ้
แม้จะยับเยินไปทั้งเกาะก็ตาม จนทำให้เยอรมันท้อใจ เลิกราไปเอง
เมื่อวันที่สัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นจุดชี้ขาดว่าเยอรมันจะต้อง
แพ้แน่นอน นั้น คนอังกฤษโห่ร้องกันทั้งประเทศ และเป็นวันที่คนอังกฤษ ทุกคนยอมรับ
และรู้ได้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นจำเป็นต่ออังกฤษ มากแค่ไหน
ในยามที่ประเทศชาติอยู่ในภาวะวิกฤติ
เอาเรื่องนี้มาเขียนเล่าให้ฟัง เนื่องในวาระที่เป็นมงคลของชาติไทย ซึ่งเพิ่งจะผ่านพ้นไป
และ เชื่อว่า คนไทยก็จะไม่ยอมแพ้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อบ่อนทำลาย
สถาบันต่าง ๆ รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นเขียนฝากไปให้นายกคนใหม่ด้วย ให้ฟังเสียงประชาชนจริง ๆ บ้าง
อย่าใด้เชื่อมวลชนจัดตั้งของกระทรวงมหาดไทยอีกต่อไปเลยครับ
พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์