ดร.นิว เปิดโปง ความภูมิใจของม็อบปลดแอก เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างทุนข้ามชาติของประเทศมหาอำนาจกับนักการเมืองไทย
จากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย กำลังเป็นที่น่าจับตา ถึงกลุ่มม็อบต่างๆที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย และคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊ค Suphanat Aphinyan ในเรื่องของความภูมิใจของม็อบปลดแอก โดยระบุข้อความว่า
ม็อบปลดแอกเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างทุนข้ามชาติของประเทศมหาอำนาจกับนักการเมืองไทย ที่ต้องการแย่งชิงอำนาจบริหารจากรัฐบาล โดยอาศัยโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ หรือ Weaponization of Social Media ในการยัดเยียดความขัดแย้งและความแตกแยก ขับเคลื่อนทางความคิด สร้างแนวร่วม หลอกใช้เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ ให้กลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมือง
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายอาจารย์ในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันได้ลุกลามไปถึงครูในระดับโรงเรียน เป็นตัวขับเคลื่อน แทรกแซง ล้างสมอง พยามดึงนักเรียนนักศึกษาที่เป็นนักกิจกรรมเข้ามาเป็นพวก แล้วให้นักศึกษาพวกนี้สร้างเครือข่ายขึ้นมาอีกทีผ่านความเป็นเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ในสถานศึกษา และเมื่อสร้างมวลชนได้พอสมควรแล้ว ก็อาศัยการบูลลี่คนเห็นต่างข่มขู่คุกคามเพื่อขยายฐานมวลชน จึงทำให้คนที่เห็นต่างโดนกลืน หรือหันมาอยู่อย่างเงียบๆเพราะกลัวการถูกบูลลี่ จึงไม่ต้องแปลกใจที่หลักการเดียวกันนี้ ก็ถูกนำมาใช้ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างที่ทุกคนทราบดี
ดังนั้นเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์จึงถูกดึงมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งๆที่ข้อเสนอต่างๆของม็อบปลดแอกไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยตรง แต่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองที่กระหายอำนาจกับต่างชาติที่ต้องการแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของชาติเขา
จะบอกให้ว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน ได้ย้ายมาจากฮ่องกงในช่วงปลายเดือน ก.ค. 62 หลังจากที่จีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกง นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี อาศัยอยู่ในฮ่องกง และมีบทบาทสำคัญในฐานะนายหน้าคนสำคัญของสหรัฐอเมริกาที่มีอิทธิพลในภูมิภาคนี้
ก็ไม่รู้ว่าการเข้ามาพำนักในประเทศไทยของ นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และความรุนแรง ตลอดจนสงครามกลางเมืองอย่างที่เกิดขึ้นในฮ่องกงหรือไม่?
แต่ที่แน่ๆ เราทุกคนในฐานะประชาชนคนไทยต้องช่วยกันหาทางออกที่เป็นสันติวิธี ไม่ใช่เพื่อปกป้องรัฐบาล แต่เพื่อปกป้องชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และปกป้องเศรษฐกิจของชาติ ไม่ให้แย่ยิ่งไปกว่าที่กำลังเจอพิษโควิดอยู่ในขณะนี้