โหรฟองสนานทำนายดวงเมือง เข้าสู่วาระราหู-ภาวะคับขัน รัฐบาลเจอแรงบีบหนัก แม้การเมืองวุ่นวายแต่มีลางดี เริ่มสู่ปีทองทางเศรษฐกิจ

0

โหรฟองสนาน นักโหราศาสตร์ชื่อดัง เปิดคำทำนายดวงเมือง เข้าสู่วาระราหู-ศรีจร-นิจ-เริ่มค้นทรัพย์-จันทร์ล่าราหูเมืองรอบนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นช่วงเข้าที่คับขันของเมืองอีกระยะหนึ่ง

แต่สิ่งดีก็มีมาก ช่วยกันฟันฝ่าไปให้ถึงประมาณ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นอย่างต่ำ แล้วตั้งแต่วันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นลางดีของเศรษฐกิจ

โดยโหรฟองสนาน จามรจันทร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Fongsanan Chamornchan ระบุว่า แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 340 โดยฟองสนาน จามรจันทร์เข้าสู่วาระราหู-ศรีจร-นิจ-เริ่มค้นทรัพย์-จันทร์ล่าราหูเมืองรอบนี้

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และผลของดาวจรสำคัญที่ทำมุมกับชะตาเมืองระหว่าง10 กันยายน 2563 21 เมษายน 2564พระราหู(8) จร-เดินอยู่ในราศีพฤษภระหว่าง 10 กันยายน 2563 21 เมษายน 2564พฤหัสบดีจร(5) เดินถอยหลังในราศีธนู-เริ่มวกกลับเดินหน้า 22 กันยายน 2563 เป็นต้นไป

เดินเข้าราศีมังกร 13 พฤศจิกายน 2563 พระเสาร์จร(7) เดินถอยหลังในราศีธนู-วกกลับเดินหน้าวันที่ 19 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-เดินเข้าราศีมังกร 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไปพระอังคาร(3) กาลกิณีจรของเมืองเดินผิดปกติข้ามราศีระหว่างเมษกับมีน แล้วจะข้ามไปพฤษภตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปพระมฤตยูจร (0) เดินอยู่ในราศีเมษจะเริ่มเดินผิดปกติตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป-สิ้นปี 2563

ในที่สุดท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ก็มาถึงวันที่ผู้เขียนเคยเพียรบอกมาก่อนว่าขอให้คนไทยช่วยจับมือกันพาประเทศชาติและดวงเมืองฟันฝ่าตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไปเพื่อที่อย่างต่ำไปให้ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2564 ถ้าจะให้ดีขอให้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 เพื่อที่หลังจากนั้นไม่ว่าการเมือง-บ้านเมืองจะวุ่นวายขายกระจาดขนาดไหน แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นเห็นลางของปีทองด้านเศรษฐกิจ แล้วจะเป็นต่อไปอีกหลายปีจนกว่าคนไทยจะเริ่มประมาทแล้วหัวทิ่มเอง


หลายท่านอ่านบทสรุปนี้แล้วอาจจะบอกว่าไม่เข้าใจ-ขัดแย้งกันเอง-ไม่สมเหตุสมผล ผู้เขียนก็ขอยกตัวอย่างคือบางคนในบ้านวุ่นวายแตกแยก ระส่ำระสาย แต่เจ้าชะตากลับหาเงินได้โดดเด่น-ร่ำรวยมั่งคั่ง เป็นต้น

ทีนี้มาดูกันว่าด้วยหลักอะไรที่ใช้ทำนาย ซึ่งผลก็มาจากการย้ายราศีของดาวใหญ่ที่จะเกิดใกล้ ๆ กันตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไปพร้อมกับการเดินผิดปกติ-หยุดเดินผิดปกติ-บีบๆ-คลาย ๆ ของดาวสำคัญหลายดวงที่จะเกิดซ้ำซ้อนกันที่จะให้ผลทั้งร้าย-ดีดังต่อไปนี้

1. เกณฑ์ทุกขลาภ-ลาภทุกข์จากพระราหู(8) ศรีจรเข้าไปเดินในราศีพฤษภ (ภพทีสอง-กฎุมภะ) ได้มาตรฐานนิจ (ต่ำต้อย) ค้นทรัพย์และเกิดปรากฎการณ์จันทร์ล่าราหูในดวงเมือง (ดวงเมืองแตก) เริ่มตั้งแต่ 10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 โดยต้นตอทุกข์ ๆ -ยาก ๆ มาจากเรื่องเศรษฐกิจ (พระราหูจรเดินอยู่ในราศีพฤษภ-ดินแดนของการทำมาหาได้-เศรษฐกิจของประเทศ)

อันที่จริงเกณฑ์นี้เริ่มก่อตัวนานแล้วเมื่อพระจันทร์(๒) คือประชาชนเดือดร้อนเพราะพิษโควิด19 ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทมาช่วย เรียกได้ว่าประชาชนได้ค้นเงินในกระเป๋ารัฐบาลจนเกือบเต็มเพดานหนี้

จริงอยู่การช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าระหว่าง10 กันยายน 2563-21 เมษายน 2564 อะไรจะเกิดกับรัฐบาลบ้าง เพราะอาจมีเรื่องไม่คาดฝันใหญ่โตเกิดขึ้นอันมีสาเหตุทางเศรษฐกิจเป็นต้นเหตุ เหมือนสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัดสินใจ-จำเป็นต้องลดค่าเงินบาทเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2527 จนเกิดการขู่รัฐบาลของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกผบ.ทบ.ขณะนั้นในชื่อ-คืนวันลอยกระทง-จนกระแสตีกลับรัฐบาลผ่านพ้นได้ แล้วหลังจากนั้นเศรษฐกิจของประเทศก็เริ่มสู่ขาขึ้นเพราะการการส่งออก และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ

แม้ผู้เขียนจะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาตั้งแต่ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นไป แต่คาดว่าคงถูกบีบหน้าเขียวหน้าเหลืองเหมือนตอนรัฐบาลป๋าเปรมโดนขู่ให้กลับมาใช้เงินบาทค่าเดิม เช่นตอนนี้ที่เห็น ๆ คือคุณปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลาออกไปแล้ว (แต่ปู่สมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ลาออกเพราะป๋าสนับสนุน) แล้วเสียงประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนว่าไม่ต้องการให้นักการเมืองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่คนในพรรคพลังประชารัฐกลับมีอิทธิฤทธิ์จะเอาตำแหน่ง นี่ก็อาจจะเพียงแค่จุดเริ่มต้นบีบ-คลาย-คลาย-บีบ

แต่ด้านที่ต้องอ่านดีคือพระราหูที่ค้นทรัพย์ดวงเมืองนี้อยู่ในระหว่างเป็นศรี หรือสิริมงคลจรของเมืองจึงหากรัฐบาลหรือเมืองฟันฝ่าเรื่องไม่คาดฝัน-แรงบีบที่ทั้งเป็นอยู่และกำลังจะเกิดขึ้นไปได้ถึงวันเกิดเมืองที่ 21 เมษายน 2564 จะเริ่มเห็นลางฟื้นทางเศรษฐกิจ เงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาช่วย เริ่มสู่ปีทองทางเศรษฐกิจไม่ว่าการเมืองจะวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Fongsanan Chamornchan