จากที่ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย อ้างกรณีรัฐบาลเตรียมแจกเงิน 3,000 บาท ให้ประชาชน 15 ล้านสิทธิ์ ใช้จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นการซื้อ อาหาร และเครื่องดื่ม โดยรัฐออกเงินให้ 50 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งนายปิยวัฒน ระบุว่า หากรัฐบาลใช้นโยบาย แจกเงิน ควรแจกให้กับกลุ่มคนยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ โดยให้ตามเลขที่บัตรประชาชน กำหนดอายุ กำหนดหลักเกณฑ์ เพื่อให้ทั่วถึงกัน ไม่ควรจ่ายผ่านแอป หรือ กำหนดจุดใช้ในจุดที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งเป็นร้านค้าในเครือเจ้าสัว เพราะหากกำหนดเช่นนี้เงินจำนวน 45,000 ล้านบาท ที่เป็นภาษีประชาชน จะไปเข้าสู่ นายทุน ที่ใกล้ชิดรัฐบาลทั้งหมด
“รัฐบาลไม่ควรอุ้มเจ้าสัว นายทุนใกล้ชิดหรือเพราะเศรษฐกิจไม่ดี รายได้เจ้าสัว นายทุน ตก รัฐบาลเลยทำนโยบาย นำงบประมาณไป ช่วยอุดหนุนเจ้าสัว นายทุน ทั้งๆที่หากรัฐบาลแจกเป็น เงินสดเงิน 3,000 บาท ประชาชนจะไปอุดหนุน ร้านค้าในชุมชน ตามตลาดนัด เงิน3,000 บาทจะเพิ่มมูลค่า รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย อยากให้ทบทวนว่าจ่ายผ่านแอปหรือจ่ายเป็นเงินสด ใครได้ประโยชน์มากกว่ากัน” นายปิยวัฒน กล่าว
ล่าสุดวันนี้(5ก.ย.63) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวเรื่องมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น
มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงหลักการในเบื้องต้น ที่ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด ข้อสรุปของที่ประชุมศบศ. คือได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมศบศ. ในครั้งต่อไปภายในสองสัปดาห์ ซึ่งจะมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า “มาตรการช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่มีสิทธิ์จำนวน 15 ล้านคน ในวงเงินคนละ 3,000 บาทนั้นเป็นเพียงข้อเสนอในหลักการเบื้องต้นที่กระทรวงการคลัง นำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมศบศ. เมื่อวันพุธที่ 2ก.ย. ที่ผ่านมา
“ที่ประชุมศบศ. ได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของประชาชนที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ์ รวมถึงร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป และนำเสนอเพื่อขอมติจากศบศ. ในรายละเอียดแล้ว
ขั้นตอนต่อไป คือการนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วไป
เงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วยต่างๆ รวมถึงการซื้อสินค้าในตลาดสด และตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่”