เมื่อวันที่ 2 ก.ย.63 ที่ผ่านมา ได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็น และประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาการเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อ และการถูกเซ็นเซอร์จากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
ซึ่งในระหว่างที่มีการแลกเปลี่ยนปัญหาที่เกิดขึ้น ทางด้านของ นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้พูดถึงสื่อกำลังถูกเซ็นเซอร์ทุกครั้งในช่วงที่มีการทำรัฐประหาร และทุกสื่อได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ทุกครั้ง จนกว่าจะถูกปิดสวิตซ์ ในการรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา
โดยทางด้าน นายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นโต้ตอบในประเด็นดังกล่าว โดยการหยิบยกคำของ หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยพูดไว้ว่า รัฐธรรมนูญไม่ใช่ปัญหา รัฐประหารเป็นแค่ปลายเหตุ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่น คือ ต้นตอสำคัญ
การที่บอกว่าสื่อนั้นถูกปิดกั้น ให้ลองมองหันไปดูโครงสร้างผู้ที่ถือหุ้นแต่ละสื่อด้วย เนื่องจากว่าการถูกปิดกั้นนั้น มีบริบทมากกว่าที่ทหารเข้ามาควบคุม จึงอยากขอให้ทุกคนในเวทีนี้พูดความเป็นจริงให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่มิติการเมืองเพียงอย่างเดียว
โดยได้เปิดเผยต่อว่า ในขณะนี้สื่อไทยกำลังถูกมองว่ามีการปลุกปั่นสถานการณ์ ทำให้เกิดความขัดแย้งเป็นวงกว้าง มีนักข่าวบางคนลุกขึ้นเป็นแกนนำด้วยตัวเอง
โดยทางด้านของ นายฉาย ได้เปิดเผยอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีบรรณาธิการ นักข่าว หรือผู้ดำเนินรายการคนใดของเครือเนชั่นขึ้นเวที หรือมีการยุ่งเกี่ยวกับม็อบการชุมนุมต่างๆ เพราะว่าหากมีจะไม่สามารถอยู่ร่วมในองค์กรได้ ตราบใดที่ตนยังเป็นประธานเนชั่น เพราะนี่คือ กติกาที่ตกลงกันไว้ พร้อมกับย้ำชัดเจนว่า เนชั่นรายงานข่าวด้วยสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีเจตนาปลุกปั่น แต่ยอมรับว่าผู้ดำเนินรายการบางครั้งก็มีอารมณ์ร่วมเกินเลยไปบ้าง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงต่อไป