กกต.มีมติตรงกันชงศาลรธน.ชี้ขาดสถานะส.ส. เทพไท เสนพงศ์

0

ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 จำคุก นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

โดยไม่รอการลงโทษและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี จากกรณีร่วมกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2557 ว่าคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวแม้ยังไม่เป็นที่สุดจะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายเทพไท สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบ มาตรา 98 (4)และมาตรา 96(2) หรือไม่

หลังเลขาธิการสำนักงานกกต.ได้นำเสนอหนังสือที่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีมาถึงในวันนี้ แจ้งถึงการสิ้นสมาชิกภาพของส.ส. ซึ่งระบุว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของสภาผู้แทนราษฎร และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 10 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา 2554 แต่ไม่มีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ

กรณีของนายเทพไท นั้น สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเห็นว่า หากกกต.มีเหตุสงสัยว่าสมาชิกภาพของนายเทพไทย สิ้นสุดลงหรือไม่ ก็สามารถใช้อำนาจส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 82 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวในส่วนของสำนักงาน กกต.ยังอยู่ระหว่างผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอคัดสำเนาคำพิพากษาจากศาลนครศรีธรรมราช เพื่อส่งมาให้ยังสำนักงานกกต.กลาง เสนอประกอบความเห็นของสำนักงานฯ ที่จะเสนอต่อกกต.ว่า

กรณีดังกล่าวทั้งรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98( 4 )และมาตรา 96 ( 2) และมาตรา 42(7) ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 กำหนดไว้ชัดเจนเป็นลักษณะต้องห้ามว่า บุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ ห้ามไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. และลักษณะดังกล่าวเป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง แต่เมื่อเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือมา ทางกกต.ก็เห็นว่าเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะมีข้อถกเถียงกันอยู่ในทางสังคม จึงได้มีมติดังกล่าว