ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (ซีเอสเอสอี) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานข้อมูลล่าสุดว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 720,117 ราย และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 33,925 ราย
รายงานของซีเอสเอสอี ยังระบุด้วยว่า สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดที่ 140,886 ราย รองลงมาคืออิตาลี 97,689 ราย, จีน 82,122 ราย, สเปน 80,110 ราย ส่วนเยอรมนีมียอดผู้ติดเชื้อขณะนี้อยู่ที่ 62,095 ราย
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศขยายช่วงเวลาในการใช้แนวทางปฏิบัติให้ประชาชนทั่วประเทศเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยคำแถลงดังกล่าวครอบคลุมถึงแนวทางปฏิบัติล่าสุดที่แนะนำให้ประชาชนทั่วประเทศเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. จากเดิมที่แนวทางปฏิบัติดังกล่าวจะหมดอายุลงในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค.
แนวปฏิบัติดังกล่าวได้แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการชุมนุมเกิน 10 คน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารนอกบ้าน หลีกเลี่ยงการซื้อของนอกบ้าน และให้เด็กเรียนหนังสือจากที่บ้าน
นอกจากนี้ แนวทางปฏิบัติดังกล่าวยังแนะนำให้ผู้สูงอายุซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าวัยอื่นนั้น อยู่แต่ในบ้านและพยายามปลีกตัวออกจากผู้อื่น ส่วนคนอายุน้อยกว่าก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ทางรัฐบาลสหรัฐจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ในการผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งภายในเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 เม.ย.นี้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้