จากกรณีที่หมอวรงค์ เดชวิกรม ผู้ก่อตั้งกลุ่มไทยภักดี ได้กล่าวยืนยัน ตอบกลับคำถามของนายวีระ สมความคิด ว่าอย่าเรียกม็อบ เพราะนี่คือการมาทำกิจกรรม พบปะของสมาชิกไทยภักดี เราอยู่ในเวทีปิด มาพูดคุยกัน ไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขต แล้วทุกคนมาด้วยใจ ใจที่รักชาติ สถาบันฯ อยากออกมาปกป้องด้วยหัวใจ
ส่วนกรณีที่นายวีระ กล่าวหาว่าใช้เงินขนคนเข้ามานั้น “เจ้าตัวคงทำบ่อย ทำอยู่เรื่อย ๆ มั้ง เลยคิดว่าทุกคนจะทำเหมือนเขา ลองไปสุ่มถามได้เลย”
ทั้งนี้นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี ขึ้นเวทีปราศรัยที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) อาคารกีฬาเวสน์ 2 ระบุถึงข้อเรียกร้อง ที่จะยื่นต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ถึงเวลาที่ต้องปิดพื้นที่ อาจารย์ที่แอบอ้างเสรีภาพทางวิชาการมาสอนหนังสือนักเรียนต้องใช้วิจารณญาณในการดูแล ถ้าหลักสูตรไหนมีการเอาหลักสูตรเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด เราต้องมีการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเท่านั้น
เรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องตื่นได้แล้ว ไม่ให้มีการแทรกซึมล้างสมองนักเรียน
ฝากไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯมาแบ่งงานกันทำเพื่อชาติขอให้รัฐบาลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องที่ทำผิดกฎหมายทุกรายถ้าไม่ทำเราจะดูแลประชาชนเอง โดยมีการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือต่อสู้ผู้ถูกคุกคาม วันนี้เรามีเงินตั้งต้นที่ 100,000 บาท แจ้งไปยังทนายความทั่วประเทศไทยสามารถเป็นทนายความอาสาให้เราจะมีค่าใช้จ่ายให้ติดต่อมาได้เลย
กองทุนต่อสู้ช่วยเหลือผู้ถูกคุกคาม จะมีการรายงานต่อประชาชนทุกเดือนเพื่อความโปร่งใส พร้อมรับสมัครทนายความอาสาทั่วประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุกคาม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ เชื่อว่าเราสามารถทำให้มหาอำนาจเกรงใจประเทศไทยได้ ให้เรารัก สามัคคีกัน และต้องรักแผ่นดินไทย
อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีจุดประสงค์ใช้ความรุนแรง เวทีนี้คือจุดเริ่มต้นที่มาด้วยหัวใจ อีกทั้งวันที่ 31 ส.ค. กลุ่มไทยภักดีเตรียมส่งหนังสือผ่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กรณี นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ด้วย จากนั้นประกาศว่าวันที่ 20 ก.ย. 2563 กลุ่มไทยภักดีจะไปพบปะกับพี่น้องประชาชนที่ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมร้องเพลงชาติไทยร่วมกันก่อนจบกิจกรรม