จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 63 นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งความกับ พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) ปอท.ดำเนินคดีกับแอดมินและผู้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเฟซบุ๊ก รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส
ทั้งนี้จากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง จนอาจสร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคม โดยนายภุชพงค์ กล่าวว่า มาแจ้งความดำเนินคดีต่อแอดมิน หรือ ผู้ดูแลกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส โดยเฉพาะ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเบื้องต้นตรวจสอบแล้วมี 6 ประเด็น ที่เข้าข่ายความผิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดคำสั่งศาลสั่งปิดรอยัลลิสต์ฯผิดความมั่นคง! แต่เฟซบุ๊กจะฟ้องรบ.ไทยเพื่อ?!?
ล่าสุดทางด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์กรณีเฟซบุ๊กเตรียมจะดำเนินตามกฎหมายกับรัฐบาลไทย จากกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ขอให้เฟซบุ๊กบล็อกเพจหรือบัญชีผู้ใช้ที่โพสต์เนื้อหาที่พาดพิงสถาบันเบื้องสูง เพจกลุ่มที่ชื่อว่า “รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส” ว่า จนถึงขณะนี้ทาง เฟซบุ๊กยังไม่มีอะไรยืนยัน ไม่มีการส่งหนังสือมายังประเทศไทยแต่อย่างใด ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนว่าเขาจะฟ้อง แล้วจะฟ้องเรื่องอะไร หรือที่ศาลใด และที่กระทรวงดีอีเอสทำยืนยันว่า ไม่ได้คิดเองทำเอง
“ผมยังไม่เห็นอะไรที่เป็นทางการว่าเขาจะฟ้อง และฟ้องเรื่องอะไร ฟ้องแบบไหน ทางกระทรวงยืนยันว่าเราทำตามหน้าที่ ทำตามกฎหมายของไทย และทุกเรื่องที่เราส่งไปทางเฟซบุ๊ก เราก็มีคำสั่งศาลทั้งนั้น ดังนั้นเราไม่ได้ดำเนินการอะไรที่นอกกรอบ และ เฟซบุ๊กก็ลบให้ก่อน 15 วันตามที่กฎหมายกำหนด และเราก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเขา จากนี้ไปเราก็จะมีส่งไปอีก ซึ่งก็ต้องดูว่าเขาให้ความร่วมมือเหมือนเดิมหรือไม่ ถ้าครบ 15 วันแล้ว ยังไม่ให้ความร่วมมือ เราก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส ไปเปิดกลุ่มใหม่และมีผู้ติดตามจำนวนมาก จะดำเนินการอย่างไร นายพุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า อย่างที่ตนได้บอกแล้วว่า ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตามถ้าเข้าข้อกฎหมายและเห็นว่าในกลุ่มนั้นมีข้อความที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 เราก็ต้องดำเนินคดีต่อไป ไม่ว่าจากกลุ่มนี้ไปเปิดกลุ่มใหม่ หรือมีกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่อื่น ๆ ทางกระทรวงดีอีเอสไม่ได้ดูที่จำนวนสมาชิก ถ้าเข้าข้อกฎหมายก็ดำเนินการไปตามนั้นและต้องทำอย่างเข้มแข็งจริงจัง เพราะเป็นเรื่องของการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของคนไทยทุกคน ถ้าเราไม่ทำให้จริงจังคงไม่สามารถพูดกับคนอื่นได้ว่า ประเทศไทยก็มีกฎหมายที่เข้มแข็งและศักดิ์สิทธิ์