นายอัษฎางค์ ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ “อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า ถ้าในหลวงไม่ได้สั่งให้ปฏิวัติ แล้วทำไมในหลวงพระนามรับรองคณะปฏิวัติ? การลงพระนามของในหลวงคือพิธีการ พิธีการที่ในภาวะปกติ นายกรัฐมนตรีหรือประธานรัฐสภา มีหนังสือหรือกฎหมายมาถวาย ก็ต้องลงพระนาม
หรือในภาวะไม่ปกติ เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร หัวหน้าคณะรัฐประหารก็มาถวายหนังสือมาถวายให้ลงพระนาม ถึงในหลวงไม่ลงพระนาม กฎหมายนั้นก็มีผลบังคับใช้อยู่ดี ในหลวงอยู่เหนือการเมือง แต่ทรงอยู่ในฐานะที่เคารพสักการะ เพราะฉะนั้นการส่งหนังสือให้ลงพระนามคือการถวายพระเกียรติ และเป็นพิธีการ พระองค์ก็ต้องทำตามพิธีการ ซึ่งเป็นพิธีการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือที่เรียกกันในระดับสากลว่า ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ใกล้ ๆ ตัว ถ้าลูก ๆ วัยรุ่นเฮี้ยว ๆ อยากออกไปเที่ยงคืน แต่พ่อแม่ไม่อยากให้ไป สุดท้ายยังไงมันก็ไม่ฟังหรอก ยังไงมันก็ไปอยู่ดี แต่ก่อนจะไปต้องบอกกันหน่อยว่าจะไป เป็นพิธีเพื่อให้เกียรติกัน กรณีแบบนี้คล้ายกัน ลงพระนาม เป็นไปตามพิธีการ คนที่เอาไปให้ลงพระนามก็ทำเป็นพิธีการเหมือนกัน เป็นการถวายพระเกียรติ เป็นสิ่งที่เรียกว่า พระราชอำนาจโดยพระบารมี
เพราะอะไร เพราะประเทศมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เหมือนเราจะออกจากบ้านต้องไหว้พ่อแม่มั้ย หรือไปบ้านเพื่อนต้องไหว้พ่อแม่เพื่อนมั้ย ความจริงใจไม่ไหว้ ก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้ แต่เราก็ไหว้เพื่อแสดงความเคารพ ว่าบ้านมีพ่อแม่เป็นผู้ใหญ่
อย่าลืมว่า ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบการปกครองที่ไทยรับมาจากฝรั่ง เราไม่ได้คิดเองทำเอง แต่เราทำตามฝรั่ง คือฝรั่งก็ทำ เพียงแต่ฝรั่งไม่มีนักการเมืองคอรัปชั่นแบบหน้าด้าน ๆ กินมูมมาม นักการเมืองไทยมันกินกันมาทุกยุคทุกสมัย แต่เมื่อมันกินกันจนน่าเกลียด จนบ้านเมืองจะพัง ทหารออกมาปฏิวัติ อย่าโทษแต่ที่ผลรับ ผลรับที่เห็นกันจะ ๆ ว่าทหารปฏิวัติ เพราะมันมีสาเหตุจริง ๆ มาจากนักการเมืองเลว ๆ กินบ้านกินเมือง
จริงอยู่ว่าที่ผ่าน ๆ มา พอทหารปฏิวัติเสร็จ ก็พบว่ามีการโกงกิน เพราะอะไร? ก็เพราะสุดท้ายทหารก็กลายเป็นนักการเมือง พอเป็นนักการเมือง มันมีอำนาจ มันก็กิน ทหารก็คือข้าราชการ ข้าราชการคือคนส่งส่วย ส่งไปไหน? ก็ส่งไปที่หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าใหญ่คือใคร? คือนักการเมือง นักการเมืองดี ๆ มีเยอะกว่า นักการเมืองเลว ๆ แต่ปลาเน่าตัวเดียว มันก็เหม็นทั้งตะกร้า เผลอ ๆ พาตัวอื่นเน่าไปด้วย
อ่านตรงนี้ช้า ๆ ขัดๆ ในยุคคณะราษฏร์ ทหารปฏิวัติ เพื่อแย่งชิงอำนาจ แต่หลังจากหมดยุคคณะราษฏร์ ทหารปฏิวัติเพื่อหยุดนักการเมืองที่กินมูมมาม ไม่ใช่เพื่อแย่งชิงอำนาจ ต้นตอของการปฏิวัติ คือนักการเมืองคอรัปชั่น
ทหารปฏิวัติคือปฏิกิริยารีแอคชั่น ทหารถูกฝึกมาเพื่อปกป้องประเทศชาติและประชาชน เหมือนเวลาร่างกายเรามีเชื้อโรค ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ทหารก็คือภูมิคุ้มกันของร่างกาย
แต่ที่ผ่านมา ที่จับได้ภายหลังว่าทหารก็คอรัปชั่น เพราะตอนนั้นทหารไม่ได้เป็นทหารแล้ว แต่กลายเป็นนักการเมือง ที่นี่มันก็วนกลับไปตอนต้นที่ว่า นักการเมืองคอรัปชั่น ทหารก็ออกมากำจัดนักการเมืองที่คอรัปชั่น แล้วก็วนกลับไปอีก นึกออกมั้ย สงสัยคนไทยและประเทศไทยมั้ย
ส่วนในหลวง พระองค์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แต่ทรงอยู่เหนือการเมือง พระองค์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอรัปชั่นของนักการเมือง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ ในหลวงแค่ลงพระนาม เพราะการลงพระนามคือพิธีการ ซึ่งเป็นพิธีการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือที่เรียกกันในระดับสากลว่า ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่าเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นแพะรับบาป บาปที่นักการเมืองเป็นคนก่อ ถ้าไม่อยากให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร ผมมีวิธี 1 ต้องหาทางป้องกันไม่ให้คนเลวเข้าสู่การเมือง 2 ต้องหาทางกำจัดนักการเมืองเลว ๆ ออกจากการเมือง แค่ร่วมมือกันทำ 2 ข้อนี้ได้ เมืองไทยจะปลอดการปฏิวัติ และปลอดนักการเมืองเลว สุดท้ายบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรือง
ถ้าในหลวงไม่ได้สั่งให้ปฎิวัติ…
Posted by อัษฎางค์ ยมนาค on Wednesday, August 26, 2020