“บิ๊กตู่” เตือนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ถ้ามัวเอาชนะทำลายชาติไม่หยุด ตัดพ้อสู้สุดกำลังเพื่อบ้านเมือง ลืมแล้วเหรอ “นายกฯเผด็จการ” คนนี้เข้ามาเพราะอะไร ?

0

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงกับสื่อมวลชนถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึง แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ว่าจะหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) ว่า ในพื้นที่ใดเหมาะสมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อน รวมถึงหารือมาตรการต่าง ๆ รองรับ

โดยเฉพาะจะพิจารณาในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเรื่องการท่องเที่ยวมากที่สุด โดยจะเริ่มรับจำนวนน้อยก่อนในรูปแบบ Sand Box ที่ต้องตรวจสอบคัดกรอง ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง และให้อยู่เป็นจุด หรืออยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ดังนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องไม่กระทบกับคนอื่น

ขอฝากประชาชนด้วยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องทำเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากไม่ทำอะไรเลย สถานประกอบการจะตายหมด แรงงานถูกเลิกจ้าง แล้วจะหาสิ่งใดมาทดแทนให้ เพราะทุกคนมีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ทั้งหมด จึงมีความจำเป็นต้องผ่อยคลายมาตรการต่าง ๆ และหามาตรการที่เหมาะสมมารองรับ รัฐบาลเน้นการดูแลคนส่วนใหญ่ ที่ทุกคนต้องมาช่วยกันคิด เพื่อทำงานร่วมกัน ไม่ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ไปมากกว่านี้

 


ทั้งนี้นายกฯยังกล่าว ในตอนหนึ่ง ต่อจากตอบคำถาม ปมพรรคประชาธิปัตย์จะไม่โหวต ผ่านให้เรือดำน้ำ ระบุว่า “วันนี้เรื่องภาษีเราก็ไม่ได้ไปเร่งรัดกับใคร หลายคนก็ขอโน้นขอนี่ แล้วผมจะเอารายได้มาจากที่ไหน ขอถามสื่อว่ารู้หรือไม่ รายได้ประเทศมาจากไหน รู้ทุกคนแหละ ประชาชนบางคนรู้ แต่บางคนก็ไม่รู้ หรือรู้น้อย ผมไม่ได้โทษเขา มันอยู่ที่สื่อ แต่ก็ไม่ได้โทษสื่อที่อยู่ตรงนี้

“ผมพูดเยอะก็หาว่าพูดเยอะ แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครพูด เพราะทุกคนอาจจะกลัวบ้างอะไรบ้าง ไม่กล้าพูด แต่ผมไม่กลัว จะพูดให้ประชาชนเข้าใจ จะว่าอะไร ผมก็ต้องอดทนทุกเรื่อง ซึ่งอดทนมาเยอะ เพื่อใคร เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนของเรา ถ้าผมไม่ทำแล้วจะทำกันเมื่อไร จะรอวันหน้า ก็ใช่ จะเปลี่ยนรัฐบาล หรือเลือกตั้งใหม่อะไรก็แล้วแต่

ถามว่ากว่าจะถึงเวลานั้น เวลานี้มันจะตายกันหมด หรือเปล่า ใช่หรือไม่ มันจะไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ จนกว่าจะถึงวันนั้น ทำวันนี้ให้ดีเพื่อวันข้างหน้าจะไม่ดีกว่าหรือ ต้องเริ่มอย่างนี้ ค่อย ๆ ไป แล้วเดี๋ยวมันก็ไปของมันเอง ประเทศไทยเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งเยอะแยะ ข้อสำคัญคือ ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เอาโน้นมาตีกันไปมาจนล้มไปหมดทั้งระบบ มันได้หรือไม่”

วันนี้มาดูเรื่องงบประมาณฝ่ายความมั่นคงกันอีกเป็นหลัก เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่รู้ความตั้งใจของท่าน ผมไม่พูด แต่สิ่งสำคัญที่สุด งบประมาณกระทรวงอื่นท่านก็ตัดของเขาอีก ทั้งที่กระทรวงเหล่านั้น เขาดูแลประชาชนใช่หรือไม่ ไปตัดของเขา ทำไม ไม่ให้ความสำคัญบ้าง งบหลายกระทรวง แล้วก็มาจ้องงบนี้เข้าไปด้วย

สรุปว่าประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด แล้วรู้หรือไม่ งบประมาณตัดแล้วไปไหน จะเอาไปทำอย่างอื่นได้ หรือไม่ กฎหมายเขียนว่าอย่างไร มันก็ตกหมด ไม่ใช่ว่า จะมาอยู่งบกลางได้ หรือไม่ก็ต้องไปทำโครงการของเจ้ากระทรวงเดิมที่ผ่านมานำขึ้นมา เข้าใจตรงนี้กันเสียบ้าง

ส่วนเรื่องการทุจริต โปร่งใส ก็ติดตามทำอย่างเต็มที่ ผมยืนยันไม่มีนโยบายทุจริตกับใครทั้งสิ้น พรรคร่วมรัฐบาลเราก็ประกาศเจตนารมณ์ไปแล้วว่าจะต้องไม่มีการทุจริต จะต้องทำให้ได้

“หลายคนมองว่า ผมมาแบบนี้ แบบเผด็จการ อะไรต่าง ๆ มันต้องมองย้อนกลับไป ผมไม่อยากจะพูดทบทวน ไม่ได้อยากให้ทุกคน ถือว่าเป็นบุญคุณ มันไม่ใช่ ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ ไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ท่านลืมหมดแล้วหรืออย่างไร ลืมกันหรือยัง ลืมหมดแล้วหรือ ผมเข้ามาด้วยอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเข้ามา อย่าลืมสิ

แล้ววันนี้สิ่งที่ผมทำมีความก้าวหน้าบ้างหรือไม่ หลาย ๆ อย่างดีขึ้นมาโดยตลอด เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ 4.0 แล้วใครเป็นคนทำ ผมเป็นคนทำมาทั้งนั้น 4.0 ที่ว่ามานี้ นโยบาย ยุทธศาสตร์ เดินหน้ามาตามกรอบกติกามจนถึงวันนี้ ถ้าไม่ทำวันนั้น วันนี้ก็ไม่เกิด เพราะมัวสาละวนแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้ การเมืองบ้าง อะไรบ้าง

แต่ตัวผมไม่มีการเมือง แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับการเมืองเขา ฉะนั้น ก็ต้องไปด้วยกันให้ได้ ประเทศไทยเราเป็นประชาธิปไตยที่มีรูปแบบของเรา เราไม่ได้มีจากที่อื่น ทำไมต้องทำเหมือนคนอื่นเขาหมด แล้วความเป็นไทยของเราหายไปไหน

“ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมือง ผมว่าประเทศชาติ มันล่มสลาย ถ้ามันเกิดอย่างนั้นจริง ก็รอดูก็แล้วกัน แล้วทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ ที่ร้อนระอุ ลุกเป็นไฟ ก็ว่ากันไปแล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว ถ้าจะถึงตอนนั้นอีกก็ โอเคนะ”

เมื่อถามว่า ดูเหมือนนายกฯไม่ค่อยสบาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหนื่อยสิ ทำงานติดต่อกันหลายวัน ไม่ได้พัก

ขอบคุณคลิป ทวิตเตอร์ @WassanaNanuam