รศ.ดร.แสงเทียน ปธ.ยุทธศาสตร์วิจัยทิศทางไทย ชี้ม็อบชังชาติ บทพิสูจน์นายกลุงตู่ จะเป็น กระท้อน ที่ยิ่งทุบ ยิ่งตีก็ยิ่งหวาน หรือ แตงโม ทุบไม่กีทีก็แตก

0

บทความพิเศษ: บทพิสูจน์นายกลุงตู่จะเป็น “กระท้อน” หรือ “แตงโม”  จากการเมืองช่วงมรสุมและการชุมนุมจากกลุ่ม “ชังชาติ”  รศ.ดร.แสงเทียน อยู่เถา ประธานยุทธศาสตร์วิจัยสถาบันทิศทางไทย

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศตอนนี้ มีการดำเนินการเพื่อสั่นคลอนรัฐนาวาของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะเพิ่งปรับคณะรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้าสู่รัฐบาลประยุทธ์ ๒/๒ เมื่อ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมาก็ตาม การเข้ามาของรัฐมนตรีหน้าใหม่ ๖ ท่าน และทีมรัฐมนตรีเดิมจึงถูกสั่นคลอนรัฐนาวานี้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การชุมนุมของเยาวชนปลดแอก ก้าวสู่ประชาชนปลดแอก การจุดชนวนความขัดแย้งโดยการท้าทายอำนาจรัฐ กล้ายื่นข้อเรียกร้องถึงสถาบันสูงสุดของประชาติ ท้าทายอำนาจทุกอำนาจที่มีอยู่ในประเทศนี้ กล้าท้าทายกับฝ่ายคิดต่างเพื่อพร้อมประจันหน้ากันทุกรูปแบบ

เมื่อการเขย่ารัฐนาวามาถึงการร่วมใช้เหตุการณ์อื่นๆ ในสังคมที่สะท้อนความรู้สึกของประชาชนโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นกรณีของคดีความบอส คดีบ่อนใหญ่ จนมาถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ล้วนถูกนำไปเชื่อมต่อ เชื่อมโยง กับการโจมตีรัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้มีทีท่าว่าจะซาลงแม้แต่น้อย

การกระโดดเข้าโหนจากกรณีต่างๆ จากนักการเมืองที่ต้องการสร้างรอยประทับจากความจำของคนในสังคม เพื่อการมองไปยังแรงหนุนการเลือกตั้งในโอกาสต่อไป ก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

การดำเนินการผลักดันกลยุทธ์ของ กลุ่มอาจารย์และกลุ่มนักคิด “ปฏิกษัตริย์” กลุ่มนักการเมืองและกลุ่มนายทุน “ชังรัฐบาล” และกลุ่มคน “ชังชาติ”  รวมเป็น ๓ กลุ่มใหญ่ที่เริ่มรวมกันเป็นกลุ่มเดียวกัน ผลักดันจิตวิทยามวลชนอย่างหนักเพื่อสร้างกลุ่ม “เยาวชนคนพร้อมลุย” และ “กลุ่มเยาวชนแนวร่วม” ซึ่งเป็นเยาวชนผู้ที่เข้าถึงสื่อโซเชี่ยลมีเดียอย่างมากมายมหาศาลในช่วงของการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในสถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ ที่ผ่านมา เป็นผู้ที่ได้รับการผลักดันแนวคิดจากการถั่งโถมของกลยุทธ์หลักในการดำเนินการแยกกลุ่มเยาวชนให้เห็นความไม่เท่าเทียม ความไม่ยุติธรรม ความไม่ชอบมาพากลเรื่องต่างๆ รวมถึงจุดอ่อนของชาติในการพัฒนาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งมาจากระบอบศักดินาและสถาบันสุงสุดของชาติ ทั้งข่าวจริง ข่าวเท็จ การตัดตอนข่าว การชี้ให้เห็นว่ามีคนอยู่ตรงข้ามแนวคิดดีๆ นี้อีกมากมายทั้ง “คนรุ่นเก่า” “สื่อเลือกข้าง” ให้กลายเป็นคนที่ไม่เคยรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ มีแต่ให้ร้ายกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องทำลายให้ได้โดยทุกวิธีการ และทุกรูปแบบ เพื่อให้ “จบที่รู่นเรา

สถานการณ์ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่ล่อแหลมเป็นอย่างมาก ที่ทุกอย่างพร้อมระเบิดออกมา นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ เป็นนายกของประเทศนี้เพียงไม่กี่คน และเป็นคนเพียงไม่กี่คนในรัฐบาลนี้ที่ทำงานโดยไม่ต้องหวังการหาเสียง หาคะแนนนิยมจากการทำงาน หลายฝ่ายก็มองเห็นได้ว่ามีความมุ่งมั่นในการสร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง และแม้จะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-๑๙

แต่ทุกอย่างมันจะถูกลืมไปในชั่วพริบตา เมื่อกระบวนการใหญ่ที่หมายจ้องล้มรัฐนาวาประยุทธ์ ขับเคลื่อนเต็มพิกัด เมื่อสามารถเขย่ารัฐนาวาได้แรงกว่านี้ และถูกคนในเรือที่ร่วมลำเรืออย่างพรรรคร่วมรัฐบาลร่วมกระโดดยื่นหน้าพร้อมชูมือเพื่อให้คนที่ชายฝั่งเห็นหัวตัวเองไว้ เผื่อมีการเลือกตั้งแล้วนำรัฐนาวาลำใหม่ออกไปวิ่งแล่นในโอกาสต่อไป

จึงเป็นบทที่กำลังท้าทายนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ในการนำรัฐนาวานี้โดยจัดการสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการแล่นของรัฐนาวาลำนี้ต่อไป เป็นบทพิสูจน์ที่จะชี้ให้เห็นว่า นายกประยุทธ์จะเป็น กระท้อน ที่ยิ่งทุบ ยิ่งตีก็ยิ่งหวานยิ่งมีคุณค่า หรือจะเป็นเพียงแค่ แตงโม ที่โดนทุบ โดยตี เพียงไม่นานก็เละจนไม่สามารถรับประทานได้อีก

ยังมีประชาชนอีกมากมายที่เห็นคุณค่าจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของชาติ การเป็นคนไม่ทุจริตคอรัปชั่น การเป็นคนที่ไม่เห็นแก่คะแนนเสียงทางการเมือง การเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียตรงไปตรงมา และที่สำคัญคือเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เหลือเพียงการรับฟังทุกฝ่ายอย่างจริงจัง การสกัดกั้นการเล่นการเมือง และเอาจริงเอาจังกับการหยุดยั้งการผลักดันกลยุทธ์ของกลุ่มจ้องล้มรัฐบาล ลดทอนพระราชอำนาจและล้มล้างกษัตริย์ที่ผลักดันแนวคิดสู่เยาวชนให้ดำเนินการแทนเพื่อไปสู่สิ่งที่กลุ่มตนวาดหวังไว้

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง “กำลังรอดู รอการรับฟัง รอการให้ร่วม และรอเชียร์“ ต่อไป