ไทยภักดีหนุนซื้อเรือดำน้ำป้องประโยชน์ชาติ! ชี้พท.ยกคดีจำนำข้าว เข้าใจผิดจีทูจีเก๊

0

จากที่กลายเป็นประเด็นร้อนถูกพูดถึงอย่างมาก ถึงกรณีการซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาไม่น้อย โดยพล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ได้นำคณะและผู้เกี่ยวข้องร่วมกันจัดแถลงตอบทุกข้อสงสัย

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งระบุถึงความจำเป็นที่ต้องสั่งซื้อเรือดำน้ำว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ป้องกันภัยคุกคามทางทะเลจากต่างประเทศ โดยเมื่อผู้สื่อถามว่า จะมีการฟ้องนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือไม่ พล.ร.อ. สิทธิพร ระบุว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจและชี้แจงเรื่องสัญญาจีทูจี เป็นสัญญาที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องเก๊ ตามที่ถูกกล่าวหา เหมือนคดีจำนำข้าว ส่วนที่มีผลกระทบกับกองทัพเรือจะขอดูรายละเอียดว่าทำให้เสียหายหรือไม่ หน่วยงานของกองทัพเรือจะรับผิดชอบในเรื่องนี้

ล่าสุดวันนี้(25ส.ค.63) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า

#กลุ่มไทยภักดีกับเรือดำน้ำ
ได้ฟังคำชี้แจงจากทั้งกองทัพเรือ และส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ

ทางพรรคเพื่อไทย เอาคำพิพากษาศาลฎีกา มาตีความสรุปเองว่า เป็นการลงนามกับบริษัท ไชน่าชิปบิ้วดิ้งออฟชอว์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ไม่ใช่รัฐบาลจีน ถือว่าเป็นการลงนามไม่ถูกต้อง โดยอิงคำพิพากษาศาลฎีกา จากคดีจำนำข้าว ว่าการทำจีทูจีต้องเป็นการทำระหว่างรัฐต่อรัฐเท่านั้น

แสดงว่าเรื่องนี้ทางพรรคเพื่อไทย เข้าใจผิด เพราะการลงนามระหว่างรัฐต่อรัฐกับทางการจีน อยู่ที่ว่ารัฐบาลจีน มอบอำนาจสินค้าตัวไหนให้ใครมีอำนาจ อย่างเช่นข้าว เขามอบให้ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีอำนาจเต็ม เพียงแต่คดีจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปอุปโลกรัฐวิสาหกิจจีนขึ้นมาเอง ทั้งๆที่เขาไม่มีอำนาจ และไม่ได้ส่งออกข้าวไปจีนจริง

ส่วนการซื้อขายเรือดำน้ำ ก็ต้องดูว่ารัฐบาลจีนมอบอำนาจ ให้รัฐวิสาหกิจบริษัทไหน ซึ่งได้รับฟังคำชี้แจงจากฝั่งกองทัพเรือว่า เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นจีทูจีที่ถูกต้อง

ส่วนเหตุผลถึงความจำเป็น เพื่อความมั่นคงและดูแลผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมากถึง 24 ล้านล้านบาท โดยมีการผ่อนชำระนาน 7 ปี ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว 22,500 ล้านบาท และกว่าจะรับของประมาณปี 2570

ที่สำคัญกองทัพเรือได้ขอทางการจีนชะลอการจ่ายงวดปี 2563ไปแล้ว 3,375 ล้านบาท และนำเงินส่วนนี้ ส่งคืนให้รัฐบาล เพื่อช่วยโควิด จะเริ่มจ่ายปี 2564 ถึงปี 2570 เฉลี่ยปีละ สองพันกว่าถึงสามพันกว่าล้านบาท ประกอบกับประเทศรอบบ้านไทย ล้วนมีศักยภาพเรื่องเรือดำน้ำกันเกือบทั้งสิ้น

กลุ่มไทยภักดีได้พิจารณา ด้วยเหตุและผล จากทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานความเป็นจริง และอิงผลประโยชน์ของประเทศ จึงขอสนับสนุนกองทัพเรือ ในการจัดซื้อเรือดำน้ำตามแผน เพื่อความมั่นคงและปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติต่อไป

ที่มา : เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom