วันโมโห!ถล่มก้าวไกลเหิมเกริมอวดดี ซัดไม่เคยมีผลงาน เย้ยขายฝันไปวันๆ

0

จากที่มีกระแสร้อนแรงเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านแตกแล้ว ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ที่วันลูกชายร.ต.อ.เฉลิม ถึงกับต้องออกมาโพสต์ข้อความ3โพสต์ติดๆกัน พร้อมระบุว่ารู้สึกโมโหนั้น

ทั้งนี้พบว่านายวัน อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และบุตรชายร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมแชร์ลิงค์ข่าวจากสื่อมาโดยเป็นข่าวที่ระบุถึง พรรคเพื่อไทยแย่แล้ว!!! โรม และก้าวไกลจ่อเชือดเซ่นซักฟอก

วัน อยู่บำรุง รู้สึกโมโห

อยู่ฝ่ายเดียวกันแท้ๆอย่าเหิมเกริมอวดดีถือเด่นว่าข้าแน่ให้มันมากเกินไป…เจ้ายังเด็กเล็กนัก

ประสบการณ์ต้องใช้อายุและความเจ็บปวดแลกมา!!!!!

และข้อความต่อมานายวันโพสต์ติดๆกันก็คือ

พรรคการเมืองบางพรรคจะทำอะไรหัดเห็นหัวผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนบ้างอย่าปั่นสร้างกระแสไปวันๆผลงานก็ยังไม่เคยมีได้แต่ขายฝันไปวันๆ

นอกจากนี้ยังพบว่า2ชั่วโมงต่อมาลูกชายร.ต.อ.เฉลิม คือส.ส.วัน ยังได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง โดยมีบางคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย

ก่อนจะก้าวไปได้ให้ไกล

ก้าวใกล้ๆให้ผ่านก่อนนะ…กลัวหกล้ม

อย่างไรก็ตามสำหรับบางข้อความที่มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น อาทิ

 ก้าวไกลใจเกินร้อย ชอบครับ

วัน อยู่บำรุง ไปไกลๆตรับ

ทำไมต้องทะเลาะกันเองคะ มันหนักหนามากรึคะ

วัน อยู่บำรุง ใครชวนทะเลาะก่อน

สำหรับสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยข่าวที่นายวันนำมาโพสต์ประกอบไว้ในเฟซบุ๊กนั้น ระบุว่า

24 ส.ค.63 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ส.ค. 2563 จะมีการประชุมวิปฝ่ายค้าน โดยมี 2 ประเด็นที่จะต้องพูดคุยคือ 1.กรณีที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย เข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้เป็นการยื่นร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น จากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ประชาชนได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากพฤติกรรมอันเลวร้ายหลายประการ และมีข้อเรียกร้องถึงขั้นที่จะให้ยุบสภาแล้ว

“ดังนั้นหาก ส.ส. จะใช้สิทธิในการเปิดอภิปรายทั่วไป ก็ควรเป็นการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 มากกว่า การที่พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะอภิปรายตามมาตรา 152 ในทางปฏิบัติจะกลายเป็นเพียงการหยิบยื่นโอกาสให้รัฐบาลได้หาข้อแก้ตัวให้กับการกระทำของตัวเอง โดยที่สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถใช้อำนาจที่มีในการลงโทษรัฐบาลได้เลย ดังนั้น จึงต้องหารือกัน เพราะเหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงรีบเข้าชื่อเสนอการอภิปรายทั่วไปขนาดนี้ ไม่ปรึกษาพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ดีก่อนถึงผลดีผลเสีย

และ 2.ทวงถามความชัดเจนในการเข้าชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 มาตรา 272 ที่กำหนดให้ ส.ว. ชุดแรกตามบทเฉพาะกาลมีอำนาจในการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคก้าวไกลเป็นผู้ริเริ่มในการจะเสนอญัตติดังกล่าว และเคยมีการหารือในที่ประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านมาแล้วครั้งหนึ่ง

 

 

เนื่องจากญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องเข้าชื่อโดย ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร คือ 98 คน แต่พรรคก้าวไกลมี ส.ส. เพียง 54 คน จึงต้องอาศัยการร่วมเข้าชื่อจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จึงจะสามารถเสนอญัตติดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภาได้” นายรังสิมันต์ กล่าว

ที่มา : เฟซบุ๊กวัน อยู่บำรุง