กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกสังคมพูดถึงอย่างมาก ถึงกรณีการซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาไม่น้อย
โดยพล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ได้นำคณะและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดแถลงข่าว ตอบทุกข้อสงสัย และความจำเป็นที่ต้องสั่งซื้อเรือดำน้ำ ระบุว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ป้องกันภัยคุกคามทางทะเลจากต่างประเทศ
โดยเรือชุดแรกของไทยปลดประจำการทั้ง 4 ลำ และจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อความมั่นคงและผลประโยชน์ในทะเล ซึ่งการลงนามจัดซื้อ ณ ตอนนี้ อีก 7 ปี ถึงจะได้รับเรือ สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่มีความตึงเครียด การเสริมสร้างกำลังทางเรือจึงมีความจำเป็น เพื่อให้ประเทศไทยมีอำนาจต่อรองกับต่างประเทศได้ พร้อมยืนยันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของผลประโยชน์ทางทะเลของชาติอย่างเต็มที่
ขณะที่ทางด้านพลเรือโท ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เป็นโครงการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 -2569 แบ่งจ่ายงบประมาณการจัดซื้อเป็นรายปี ซึ่งในปี 2563 จะต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลสหรัฐฯจำนวน 3,375 ล้านบาท แต่เมื่อประสบปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้ประสานไปยังรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อขอพักการชำระ เพื่อนำเงินงบประมาณดังกล่าวมาช่วยเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 จึงได้ส่งคืนงบประมาณให้รัฐบาลไปแล้วทั้งสิ้น 4,130 ล้านบาท ยืนยันการจัดทำงบประมาณของกองทัพเรือจัดทำโดยความรอบคอบ ประหยัด ภายใต้ผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ส่วนทางด้านพล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ยืนยันกองทัพเรือทำตามหน้าที่ในการดูแลความมั่นคงทางทะเล ขณะที่ทุกกระทรวงล้วนมีภาระหน้าที่ มีงบประมาณของตัวเองที่จะต้องทำภารกิจของชาติให้สำเร็จในทุก ชี้การนำเรื่องจัดหายุทโธปกรณ์มาโจมตีถือเป็นเรื่องทางการเมือง จึงขอวิงวอนอย่านำเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง ยืนยันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นเป็นไปตามขั้นตอน แต่มีนักการเมืองบางคนนำเรื่องนี้ไปเป็นเหยื่อทางการเมือง เพื่อให้เกิดความวุ่นวายว่าเป็นการใช้เงินจำนวนมากอย่างฟุ่มเฟือย
ตนมองว่าเป็นการให้ข่าวทางการเมือง เอาไปเป็นประโยชน์ด้านการเมืองอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นการจัดซื้อตามวงรอบปี มีการชำระตามงวดงาน
เมื่อผู้สื่อถามว่า จะมีการฟ้องนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทยหรือไม่ พล.ร.อ. สิทธิพร ระบุว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจและชี้แจงเรื่องสัญญาจีทูจี เป็นสัญญาที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องเก๊ ตามที่ถูกกล่าวหา เหมือนคดีจำนำข้าว ส่วนที่มีผลกระทบกับกองทัพเรือจะ ขอดูรายละเอียดว่าทำให้เสียหายหรือไม่ หน่วยงานของกองทัพเรือจะรับผิดชอบในเรื่องนี้