ครูเป็ด โพสต์ดึงสติฝากข้อคิดถึงนักเรียน วัยรุ่นมีความห้าวหาญไม่ผิด แต่สิ่งที่แสดงออกอย่าเกินพอดี

0

จากกรณีที่กลุ่มนักเรียน ในนามกลุ่มนักเรียนเลว ได้เดินทางกันมาชุมนุมด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 63 ที่ผ่านมานั้น เพื่อต้องการขับไล่นายณัฏฐพล รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และเรียกร้องให้รับข้อเสนอของกลุ่มนักเรียนเพื่อแก้ไข

รวมไปถึงเหตุการณ์ที่มีกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มธรรมศาสตร์จะไม่ทน และนักเรียน นักศึกษาจำนวนมากออกมาร่วมชุมนุม เพื่อเรียก 10 ข้อและต้องการให้รัฐบาลยุบสภา อีกทั้งยังบานปลายจาบจ้วงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร

 

ล่าสุดนายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือ ครูเป็ด ศิลปินผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรี ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าหลานๆนักเรียนทั้งหลาย…ลุงชื่อเป็ดนะ อาชีพหลักเป็นครูสอนร้องเพลงสอนดนตรี ได้เจอลูกศิษย์รุ่นเด็ก ๆ มาไม่น้อย เลยคิดว่าลุงคงไม่หัวโบราณคร่ำครึจนคุยกับพวกเธอไม่รู้เรื่องหรอกนะ…

ได้เห็นสิ่งที่แชร์กันมาในออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น…เรื่องสถาบัน เรื่องพ่อแม่ให้กำเนิดฉันไม่ได้ถือเป็นบุญคุณ เรื่องครูก็เป็นแค่คนรับจ้างสอน ไม่ได้มีบุญคุณเหมือนกัน ฯลฯ…

 


ได้เห็นแล้วลุงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรหรอก เพราะวัยรุ่นไม่ว่ายุคไหนก็มีความห้าวมีความล้นแบบนี้มาทุกสมัย และในเวลานั้นก็เชื่อมั่นสุดๆเหมือนกัน ว่าความคิดตัวเองโคตรจะถูกต้องเลย…รุ่นลุงก็เคยเป็นแบบนี้ เพียงแต่หัวข้อที่เอามาพูดมันเปลี่ยนไป…

แต่จะขอใช้สิทธิ์ที่…ลุงเคยเป็นเด็กเหมือนเธอมาก่อน แต่เธอยังไม่เคยเป็นผู้ใหญ่เหมือนลุง…เตือนให้เธอระวังอยู่สองสามเรื่อง ส่วนเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอนะ…

เรื่องการตั้งคำถามกับสถาบัน เรื่องบุญคุณพ่อแม่ ครู ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…สมัยลุงก็มีเหมือนกัน ลุงถึงได้บอกว่าไม่แปลกใจที่รุ่นเธอก็มีเกิดขึ้นมา แต่อยากจะเตือน ๑.เรื่องความพอดี…ลุงจะเล่าบางเรื่องให้ฟัง

สมัยวัยรุ่น ก็จะมีบางคนเริ่มเอารถที่บ้านมาขับทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียน…แน่นอน วัยขนาดนั้นการขับช้า ๆ เป็นไปไม่ได้ ต้องเร็วต้องปาด แสดงความเก่งให้เพื่อน ๆ เห็น…

หลายคนก็จะกดกันเต็มที่ เข้าโค้งไม่มีเบา กลับรถธรรมดาไม่เป็นต้องดึงเบรคมือให้รถหมุนมันถึงจะเรียกเสียงฮือฮา…สารพัดที่จะแสดงออกกันมา เพื่อความเท่การยอมรับในหมู่เพื่อนว่า…ไอ้นี่มันเจ๋งเว้ย…

แล้วก็มีคนนึงถือว่าเป็นตัวท๊อป ๆ ในเรื่องการแข่งรถ (สมัยนั้นการเป็นเจ้าความเร็วทำให้มันดูหล่อมากในหมู่เพื่อนฝูง โดยเฉพาะสาว ๆ )…วันนึงมันซิ่งบีเอ็มของพ่อบนถนนด้วยความเร็วเกือบสองร้อยแล้วคุมรถไม่อยู่ พอรถเริ่มเป๋ก็ตกใจ หักพวกมาลัยจนคว่ำ…คนนั่งคู่หน้าตาย ตัวคนขับเองก็พิการจนเพิ่งตายไปเมื่อไม่นานมานี้…

ขับรถเร็วจนคว่ำ ตาย พิการ กับการแสดงออกของหลาน ๆ ในวันนี้…เธออาจจะนึกไม่ออกว่ามันจะเชื่อมโยงยังไง และลุงเอาอะไรมาเล่าให้ฟัง (วะ)

สิ่งที่เหมือนกันคือ…การแสดงออกให้โดดเด่นในหมู่เพื่อน ให้เพื่อนๆยอมรับ…เป็นสิ่งที่วัยรุ่นทุกยุคเป็นเหมือนกันแต่…ถ้ามากจนเกินความพอดีไปเยอะ มันจะทำให้เธอเสียใจได้…

ขับรถเร็วจนคว่ำ…ตายคนพิการคน เสียใจตรงนั้นและยาวมาจนวันนี้เลย ส่วนการแสดงความเห็นอะไรที่มากเกินพอดี…วันนี้เธออาจจะรู้สึกว่ามันเท่ เพื่อน ๆ ชื่นชมกัน…เออ ไอ้นี่มันคมดีว่ะ มันกล้า มันแสบดีว่ะ

..แต่เชื่อเถอะ ถ้าเธอมองไปกว้าง ๆ ฟังกว้าง เธออาจจะตกใจถ้ารู้ว่าคนส่วนมากเขามองสิ่งที่เธอแสดงออกยังไง…และในอนาคตข้างหน้า มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเธอได้อย่างที่แก้ไขได้ยาก…หวังว่าเธอคงเข้าใจสิ่งที่ลุงบอกนะ…

อีกเรื่องที่อยากจะบอกคือ ๒. ชีวิตจริงมันซับซ้อนกว่าในตำราเยอะ…

มันไม่ใช่ ๑+๑ = ๒ เสมอไปหรอกหลานๆ…และมันมักจะไม่ใช่ด้วย…

เห็นมีการแชร์ความเห็นนึงที่เกี่ยวกับประมุขของประเทศว่า…ถ้าเป็นระบบประธานาธิบดีคงจะดีกว่า เพราะเมื่อเราไม่พอใจก็ยังสามารถขับไล่เขาออกจากตำแหน่งแล้วเลือกตั้งใหม่ได้…

นี่แหละหลานเอ๋ย หลานกำลังนึกว่าหนึ่งบวกหนึ่งต้องได้สองเสมอไป…แล้วชีวิตจริงมันได้มั้ยล่ะ ดูง่ายๆในวันนี้เลย…สมมุติว่าหลานไม่พอใจตัวนายกลุงตู่ (ไม่ได้บอกว่าท่านดีหรือไม่ดี) แล้วหลานขับไล่ให้ท่านลงจากเก้าอี้ได้อย่างใจนึกมั้ยล่ะ…

ลุงเตือนพวกเธอแค่สองเรื่องแล้วกัน มากกว่านี้จะกลายเป็นตาแก่ขี้บ่น…

อ้อ..อีกอย่างที่ลุงรับรองกับเธอได้คือ ลุงและผู้ใหญ่อีกหลายๆๆๆๆๆคนพร้อมจะรับฟังความเห็นของเธอ…ถ้ามาอย่างตั้งใจจะคุยกัน รับฟังแบบให้เกียรติกัน มีเหตุมีผลมีข้อมูลติดมือมาเยอะ ๆ ด้วยก็จะยิ่งคุยสนุก

ลุงไม่เคยมองว่าพวกเธอเป็น “เด็กเมื่อวานซืน…เด็กไม่มีความคิดถูกจูงจมูก ฯลฯ”….แต่ลุงมองว่าพวกเธอคือคนที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า…

โลกจะต้องถูกเปลี่ยนมือไปสู่มือพวกเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…แต่มันก็ไม่ได้แปลว่า พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วคนแก่ตายหมด เด็กๆอย่างเธอยึดครองโลกทั้งหมด…

การเปลี่ยนผ่านมันต้องค่อยเป็นค่อยไป จากรุ่นไปสู่รุ่น…การสื่อสารพูดคุยกัน การยอมรับระหว่างคนต่างรุ่นจึงจำเป็นมาก…เธอเห็นด้วยมั้ย หวังว่าเราคงได้คุยกันเรื่อย ๆ นะ

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ครูเป็ด moncheep