จากที่กลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์รังสิตจัดเวทีปราศรัยฉายภาพโปรเจคเตอร์รูป สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ 2 ผู้ต้องหาลี้ภัย และมีข้อความสัญลักษณ์ที่ส่อดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมทั้งข้อเรียกร้อง 10 ข้อนั้น
ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.63) นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ถึง ถึงน้องนักศึกษาที่ร่วมชุมนุมว่า
สมัยผมเป็นนักศึกษา ผมเคยเป็นนายกสโมสรนักศึกษา ถือว่าผมเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่ง ผมเคยมีความคิดล้มล้างสถาบัน ไม่ต่างจากน้องๆเลย เพียงแต่ว่าผู้อยู่เบื้องหลังผมคือ การจัดตั้งจากรุ่นพี่ และเชื่อมโยงไปพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ส่วนน้องๆนั้นใช้เครือข่าย social ปล่อยfake news ปลุกม็อบโดยมีคนให้บทแกนนำไปพูด และเชื่อมโยงตะวันตก
น้องรู้ไหมว่า ชีวิตจริงที่ต้องทำงาน ต้องรับผิดชอบ กับชีวิตนักศึกษา มันเทียบกันไม่ได้ มันหนังคนละม้วน ข้อมูลที่ได้รับจากรุ่นพี่ กับการเรียนรู้จากชีวิตจริง ศึกษาค้นคว้าเอง หาประสบการณ์เอง มันคนละอย่าง
เมื่อผมเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ และเป็นนักการเมือง ผมเปลี่ยนความคิดเรื่องสถาบัน ผมกลับมีความเชื่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ผสมผสานกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีพุทธ วิถีไทย สังคมเครือญาติ การเรียกพี่น้องลุงป้าน้าอา มีส่วนทำให้สังคมไทยมีความรักและเอื้ออาทรต่อกัน เป็นสังคมที่สมดุลย์ สงบสุขที่สุด ที่สำคัญคือสังคมไทยเราจะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้
ซึ่งความสงบสุขของสังคมไทย เราวัดได้จาก ไม่เคยมีคนไทยอพยพลงเรือสำเภาหนีร้อนไปพึ่งเย็นที่ประเทศอื่น มีแต่ประเทศรอบบ้านเรา ทั้งจีน เวียตนาม เขมร ลาว พม่า อินเดียมาอาศัยพึ่งพาประเทศไทยของเรา
ผมได้มีโอกาสเห็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจไม่ชอบ ทุจริตคอรัปชั่น แบ่งแยกประชาชน แก้กฏหมายให้ประโยชน์ตนเอง เปลี่ยนจากผิดเป็นถูก โกงทุกอย่างเท่าที่จะโกงได้ แต่อ้างว่าตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จึงทำให้ผมมั่นใจว่า ทุกอย่างอยู่ที่นักการเมือง ถ้าได้นักการเมืองที่ดี มาคุมอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนก็อยู่ดีกินดี ประเทศก็พัฒนา ถ้าได้นักการเมืองที่ไม่ดี มักใหญ่ใฝ่สูง สบคบต่างชาติเพื่อล้มล้างประเทศ ประเทศก็จะวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
สิ่งที่ผมเขียนมาซะเยิ่นยาว ต้องการบอกน้องนักศึกษาว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ประมุข ร่วมกับวัฒนธรรม ประเพณี วิถีพุทธ วิถีไทย สังคมเครือญาติแบบไทยๆ เป็นความลงตัวที่สมดุลย์ที่สุดแล้ว สงบสุขที่สุดแล้ว และสถาบันท่านก็ไม่ได้มีอำนาจบริหารราชการใดๆ เพราะทุกอย่างอยู่ที่นักการเมือง
การคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อไปเป็นระบอบประธานาธิบดี มันไม่ใช่บริบทและรากเหง้าของสังคมไทย คนไทยจะไม่มีหลักประกันใดๆต่อประมุขแห่งรัฐที่มาจากการเลือกตั้งเลย มีแต่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสร้างความแตกแยก นำไปสู่กลียุคเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่น้องๆกำลังเรียกร้องนั้น จึงไม่ตอบโจทย์ประเทศ แต่ตอบสนองตัณหา ความมักใหญ่ใฝ่สูงของคนไม่กี่คน โดยที่น้องตามไม่ทัน ไม่สอดรับกับความสมดุลย์ ของสังคมไทย ที่ลงตัวมาหลายร้อยปี และจะง่ายต่อการครอบงำของตะวันตกข้อเสนอที่ดีที่สุดของผมคือ ให้น้องๆ ตั้งใจเรียนให้มีความรู้ สนับสนุนการทำกิจกรรมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม เพื่อรู้เท่าทันนักการเมืองและรุ่นพี่ๆ
เมื่อเรียนจบให้หางานที่มั่นคงทำ เลี้ยงตัวเองให้ได้ เมื่อทุกอย่างลงตัว น้องมาเป็นนักการเมืองครับ มารับไม้ต่อที่จะดูแลประเทศนี้ ที่สำคัญคือต้องเป็นนักการเมืองที่ดี ห้ามลืมอุดมการณ์ เพราะโจทย์ปัญหาใหญ่ของประเทศ อยู่ที่นักการเมืองเท่านั้น อำนาจทุกอย่างอยู่ที่นักการเมือง….อย่าหลงประเด็น
หมอวรงค์ อดีตนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้ก่อตั้งพรรค 12 ประสาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ที่มา : เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom