จากกรณีที่ทางด้านของ สถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute ได้โพสต์ ผังเครือข่ายปฏิวัติประชาชน ออกไปและถูกกลุ่มคนที่อ่านผังดังกล่าวไม่เป็น เข้ามาเห็นแย้งทั้งที่ยังไม่มีความเข้าใจในตัวผังดังกล่าว โดยทางด้านของ สถาบันทิศทางไทย จึงได้ต้องชี้แจง ผังดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อให้รู้ถึงความเป็นจริงดังต่อไปนี้
คำอธิบายแผนผังเครือข่ายปฏิวัติประชาชน(เพ้อฝัน)
อ่านผังแค่นี้ไม่เป็น อย่าริอ่านมาเป็นนักปฏิวัติ
1. สถาบันทิศทางไทยไม่จำเป็นต้องมีคำชี้แจงใดๆ เพราะเป็นแผนผังที่ทำโดยเปิดเผย ระบุชื่อสถาบันฯ ไม่ได้แอบทำ หรือทำลับๆล่อๆ ส่วนใครเคยทำอะไรไว้โดยเปิดเผย “ข้อเท็จจริง” ย่อมเป็น “ข้อเท็จจริง” มีหลักฐานแวดล้อมชัดเจน และแผนผังนี้ไม่ใช่แผนผังที่กล่าวหาหรือระบุว่าใคร “ล้มเจ้า” หรือ “ชังชาติ” แต่อย่างใด แต่ทำเพื่อให้ทุกท่านได้เห็นว่า “ใครเป็นใคร” (Who Is Who) กว่าจะมาเป็นการเคลื่อนไหวลุกฮือของเยาวชนปลดแอก (Free Youth Uprising) ในขณะนี้
2. เนติวิทย์ผู้มีที่สติปัญญาเหลือล้น แต่อ่านความหมายของคำว่า “หลังรัฐประหารปี 2549” เป็น “ปีรัฐประหาร 2549” (ซึ่งตอนนั้นอายุ 4 ขวบ) ถ้ายังแกล้งทำกะล่อนไม่เข้าใจก็สมควรแล้วที่จะเป็นนักปฏิวัติที่ล้าหลัง ไร้ความสามารถ เป็นได้แค่หัวหน้าแก๊งค์ป่วนพิธีในมหาวิทยาลัย ถูกลดบทบาทการนำ และถูกชิงนำโดยมือรองจากตัวเอง (นายบอล, นายเพนกวิน) ซึ่งมีสติปัญญาน้อยกว่าด้วยซ้ำ
3. แผนผังนี้ อธิบายว่า ความคิดที่จะปลุกระดมมวลชนให้ลุกฮือ(Uprising)เพื่อให้มีอำนาจมากพอที่จะต่อรองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของนายธนาธรและเครือข่ายเป็น “เรื่องจริง” และมี”ที่มา” ไม่ใช่เกิดขึ้นลอยๆ
4.โดยได้แบ่งแยกสีของช่วงพัฒนาการความคิดเหล่านี้ออกจากกันอย่างชัดเจน รวมถึงแสดงให้เห็นถึงเครือข่ายนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักกิจกรรม ที่สนับสนุนความคิดของนายธนาธร รวมถึงกลุ่มการเมืองและองค์กรต่างชาติ(อเมริกา) ที่อยู่เบื้องหลังด้วย
5. แผนผังพื้นสีดำ : นายธนาธรเกิดหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ประมาณ 3 ปี ความคิดเรื่องการปฏิวัติ โครงสร้างสังคมและสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมมาจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งบางคนเป็นแกนนำนักศึกษาสมัย 6 ตุลาที่ถูกจับติดคุกอยู่ร่วม 2 ปี พวกนี้เชื่ออย่างฝังใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เบื้องหลัง 6 ตุลาและมีความอาฆาตต่อสถาบันอย่างไม่ละลด อาศัยช่วงหลังสงครามประชาชนปี 2523 ที่บรรยากาศความตึงเครียดผ่อนคลายลง คนกลุ่มนี้ออกจากป่าส่วนหนึ่งกลับเข้ามาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในไทยหรือเมืองนอก และยังปลูกฝังความคิด ความรู้สึกของตนสู่คนรุ่นถัดไป
6. แผนผังพื้นสีดำ : ขณะเดียวกัน มีกลุ่มอาจารย์สายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ที่คิดแบบ liberal สุดโต่งและมีสายสัมพันธ์กับองค์กรสนับสนุนประชาธิปไตยของอเมริกา กลุ่มนี้อาศัยมหาวิทยาลัยสร้างผลงาน ชุดความคิด และชื่อเสียง จนกลายเป็นอาจารย์อาวุโส มีลูกศิษย์มากมาย สังคมนับหน้าถือตา พวกนี้จะสร้างชุดความคิด ถอดรื้อ สังคม วัฒนธรรม โครงสร้าง อัตลักษณ์ ของไทย(ตามวิธีคิดแบบตะวันตก) โดยเบื้องต้นไม่ได้มีเป้าประสงค์ชัดเจนไปที่สถาบันใด จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ๒๕๔๙ ขึ้น นักวิชาการกลุ่มนี้ที่เคยด่าทักษิณก็เปลี่ยนมาอยู่ข้างทักษิณ ต่อต้านรัฐประหาร(โดยเปิดเผย)และสถาบันพระมหากษัตริย์(อย่างลับๆ)ในเว็บบอร์ด “มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน”, การต่อต้าน ม.112 (กลุ่มนิติราษฎร์) และ ผ่านนิตยสาร “ฟ้าเดียวกัน” (ที่ก่อตั้งโดย ธนาธร-ธนาพล-ชัยธวัช)
7. แผนผังพื้นสีแดง : หลังเกิดรัฐประหาร 2549 ทักษิณ ชินวัตร มีความเชื่อว่าสถาบันฯมีส่วนในการถูกยึดอำนาจของตน จึงร่วมกับ อดีตฝ่ายซ้ายที่ยังมีอารมณ์ค้าง และกลุ่มล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เคลื่อนไหวกดดันสถาบันฯ ในนาม “คนเสื้อแดง” เพื่อให้สถาบันฯลงมานิรโทษกรรมตัวเอง
8. แผนผังพื้นสีแดง :ในปี 2553 (หลัง 2549)ธนาธร แรกสุดก็เคลื่อนไหวใต้ร่มปีกของเครือข่ายทักษิณโดยแทบไม่มีบทบาทอะไรโดดเด่น(นอกจากการเป็นนายทุนฟ้าเดียวกัน) ขณะที่กลุ่มนักวิชาการต่อต้านสถาบันฯสุดโต่งอย่าง สมศักดิ์ เจียมฯ, ปวิน(ที่สนิทสนมกับทักษิณ) ก็อาศัยจังหวะออกมาตอกลิ่มสถาบันฯ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้กับสถาบันฯแบบ “สู้ไปกราบไป” ของคนเสื้อแดง
8. แผนผังพื้นสีแดง : หลังการยึดอำนาจของ คสช.ในปี 2557 คือจุดเริ่มของความเสื่อมถอยของเครือข่ายทักษิณ และก่อนการปรากฏตัวของพรรคอนาคตใหม่ มีการขยับขึ้นมามีบทบาทของกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร เช่น กลุ่มประชาธิปไตยใหม่(ภายใต้การสนับสนุนของอเมริกา), กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง, กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท (นักเรียน) ซึ่งมีแกนนำหน้าเดิมๆ คือ รังสิมันต์ โรม, เนติวิทย์, จ่านิว, โบว์ ฯลฯ ส่วนนายเนติวิทย์ ก็เคลื่อนไหว กร่อนแซะ คุณค่า ค่านิยม แบบเดิมของสังคมไทย เช่น ป่วนพิธีถวายสัตย์ของจุฬาฯ
9. แผนผังพื้นสีส้ม : ความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ของธนาธร(ฟ้าเดียวกัน) ปิยบุตร(นิติราษฎร์) ชัยธวัช(ฟ้าเดียวกัน) หลังการเลือกตั้ง 2562 คือความสำเร็จในการชิงนำการเคลื่อนไหวเหนือพรรคการเมืองและกลุ่มมวลชนของทักษิณ ชินวัตร โดยธนาธร ต่างจาก ทักษิณ คือ ตนเองมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และดำเนินการด้วย ยุทธศาสตร์บั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์โดยการจัดตั้งผ่านกลไกเทคโนโลยี “นิว มีเดีย” อย่างเป็นระบบ และมีเครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัยนักวิชาการอาวุโส(นิธิ, ชาญวิทย์ และลูกศิษย์)สนับสนุนโดยเปิดเผย แต่กระแสกดดันของสังคมไปที่ตัวปิยบุตรที่มีแนวคิดปฏิกษัตริย์นิยมสุดโต่งครั้งเป็นนักวิชาการ ทำให้พรรคอนาคตใหม่กลับมาใช้วิธี “สู้ไปกราบไป” แบบทักษิณ จนทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่าง ปวิน กับ พรรคอนาคตใหม่
10. แผนผังพื้นสีเทา : แต่หลังจากที่พรรคถูกยุบ ธนาธร ปิยบุตร ก็หันมาเปิดหน้าท้าทายสถาบันอย่างเปิดเผยและชี้นำว่านี่คือ ห้วงเวลาของการปฏิวัติ(เพ้อฝัน) การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้(เพ้อฝัน) โดยใช้การเคลื่อนไหวคู่ขนานนอก-ในสภา นอกสภามีกลุ่ม สนท.และเยาวชนปลดแอก (ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเอง) เคลื่อนไหวปลุกระดมโดยอาศัยภาพของนักศึกษา นักเรียนที่เป็นพลังบริสุทธิ์ ในสภาก็ให้พรรคก้าวไกล(โรม)อภิปรายก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว และเปิดเกมยื่นข้อเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ(เพ้อฝัน) โดยยื่นข้อเสนอกึ่งขู่ว่า การแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดเดียว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียง 2 ทาง คือแก้ด้วยเลือด หรือแก้ด้วยการยินยอมพร้อมใจกันของทุกฝ่าย
11. แผนผังพื้นสีเทา : ธนาธร ปิยบุตร คณะก้าวหน้า และ พิธา พรรคก้าวไกล ประกาศตนชัดในการสนับสนุนกลุ่มเยาวชน/นักเรียน/นักศึกษาให้ท้าทายสถาบันฯ และการปราศัยของนายอานนท์ที่ทำให้ตัวเองและพวก 30 คนถูกออกหมายจับ ชัดเจนว่าเจตนาแก้รัฐธรรมนูญมุ่งเป้าไปที่หมวดพระมหากษัตริย์ ซึ่ง ทักษิณ ส่งสัญญาณว่าไม่เอาด้วยกับแนวทางนี้ (VoiceTV ลบคลิปอานนท์)
ปล. นี่คือคำอธิบายแบบย่นย่อที่สุดต่อแผนผังเครือข่ายปฏิวัติประชาชน(รายละเอียดโดยสมบูรณ์ทะยอยติดตามผ่านเพจสถาบันทิศทางไทย) โดยปราศจากคำก่นด่า หยาบคาย ไร้ราคาเหมือนที่นายวีระ สมความคิด ได้กระทำ ซึ่งก็น่าสงสัยอยู่ว่าทุกวันนี้คนอย่างนายวีระนั้นทำมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพอะไรกันแน่
สถาบันทิศทางไทย