จากที่อานนท์ นำภา ทนายความและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ปราศรัยปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ในมุมของนักกฎหมาย เป็นการพูดสาธารณะครั้งแรกเกี่ยวสถาบันพระมหากษัตริย์บนเวทีชุมนุม เป็นการอภิปรายอย่างตรงๆนั้น
สำหรับที่ข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่นายอานนท์ ปราศรัยมีดังนี้
1.ให้ยกเลิกและแก้ไข กฎหมายที่มีผลเป็นการขยายพระราชอำนาจของสถาบันกษัตริย์
2.แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย
3.ต้องรับฟังเสียงของนิสิตนักศึกษา และประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในขณะนี้
ล่าสุด นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ PEACETALK โดยช่วงหนึ่งระบุ ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาว่า การปลุกความชิงชังให้เกิดขึ้นในชาตินั้น ยกตัวอย่างว่า ประเทศรวันดา เกิดความขัดแย้ง ปลุกความชิงชังของชนสองเผ่าจนฆ่ากันตายเป็นล้านมาแล้ว กรณีของไทย 6 ตุลา 2519 ก็เกิดจากการปลุกความชิงชัง บ้าคลั่ง ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น
“มาครั้งนี้ ตนมองเห็นปรากฎการณ์ และพยายามเรียกร้องให้ขบวนการนักศึกษาขีดเส้นใต้ 3 ข้อเรียกร้อง อีกทั้งคนเป็นรุ่นพี่เมื่อไปปราศรัย ไม่ควรนำเรื่องไปสู่ขบวนการนักศึกษา ซึ่งจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ยากลำบากขึ้น
ในเวทีที่ขบวนการนักศึกษาจัด คนที่จบแล้ว ควรระมัดระวังการพูดการจา และต้องพยายามรักษาจุดยืน ชัยชนะให้กับนิสิต นักศึกษาไว้ โดยยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งได้รับการตอบสนองจากสังคมแล้ว สิ่งที่เป็นภัยควรหลีกเลี่ยงให้กับขบวนการนักศึกษา ถ้าตัวเองต้องการเสนอความคิดเห็นก็ควรเป็นเวทีของตัวเอง”
นอกจากนี้ประธานนปช. ได้แสดงจุดยืนให้แต่ละฝ่ายอย่าได้กล่าวหากันให้เกิดความชิงชัง ให้เกิดความแตกแยก เพราะความจริงข้อแสนอ 3 ข้อของขบวนการนักศึกษา ไม่มีความแตกแยก แต่ได้รับการตอบสนองจากสังคม
“ผมเชื่อว่า ถ้าไม่หลีกเลี่ยงกัน แล้วต่างฝ่ายต่างเดินกันลักษณะนี้ ผมว่ามีเรื่องกันล้านเปอร์เซ็นต์ วันนี้ต้องการเรื่องหรือแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อฟัดกันไปมาแบบนี้ เรื่องไม่ควรเป็นเรื่องก็จะเป็นเรื่องกัน อาการน่าเป็นห่วงจริง”
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ย้ำว่า ฝ่ายนักศึกษาต้องยึดการขีดเส้นใต้ที่ 3 ข้อเรียกร้อง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งควรหยุดวาทะกรรมชังชาติ ซึ่งตนเชื่อว่า สถานการณ์ของประเทศจะเดินไปได้ ตนไม่ได้ปกป้องรัฐบาล เพียงแต่ต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น