จากที่พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เตรียมจะดำเนินการทางกฎหมายกับ เฟซบุ๊กหลังไม่ยอมบล็อกเนื้อหาทั้งหมดที่หน่วยงานรัฐบาลไทยร้องขอ ในหลายประเด็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวนั้น
ทั้งนี้โดยกล่าวว่า หากเฟซบุ๊กไม่ทำตามข้อเรียกร้องให้ลบหรือปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายไทย อาจผิดกฎหมายมาตรา 27 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่กำหนดไว้ว่า
“ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกวาจะปฏิบัติให้ถูกต้อง”
ภายในปีนี้ หน่วยงานรัฐไทยร้องขอบล็อกเนื้อหากว่า 4,700 รายการ แต่เฟซบุ๊กบล็อกเนื้อหาตามคำร้องเพียง 1,300 รายการเท่านั้น คิดเป็นประมาณ 27% ของคำร้องทั้งหมด แต่ก็นับว่าเป็นจำนวนมากพอสมควร เมื่อเทียบกับตลอดทั้งปี 2019 ที่ เฟซบุ๊กบล็อกเนื้อหาตามคำร้องของหน่วยงานรัฐไทยไปเพียง 1,461 รายการ
นอกจากนี้ นายพุทธิพงษ์ ยังแสดงสถิติเทียบว่า Google ทำการบล็อกเนื้อหาบน Youtube ไปแล้วกว่า 93% จาก 1,600 คำร้อง เมื่อเทียบกับ 27% ที่เฟซบุ๊กทำตามคำขอ และนอกจากนี้รายงานของ Google ยังแสดงให้เห็นว่ามีการลบเนื้อหาที่ส่วนใหญ่ถูกหน่วยงานรัฐไทยระบุว่าเป็นการ “วิจารณ์รัฐบาล” ไปกว่า 4,000 รายการ คิดเป็น 84% ของคำร้องทั้งหมดไปในปี 2019 อีกด้วย
ล่าสุดวันนี้(5ส.ค.63) นายพุทธิพงษ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า คนไทยเกือบทั้งประเทศคงคิดเช่นนี้ ผมก็ร้อนใจไม่แพ้ประชาชนทุกท่าน จึงได้เร่งกระบวนการรวบรวมและตรวจสอบหลักฐานต่างๆ จากเดิมที่ไม่มีกำหนดเวลาชัดเจน ให้ต้องเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง แล้วส่งให้ศาลอนุมัติคำสั่ง เพื่อทางตำรวจ ปอท. และตำรวจที่เกี่ยวข้องไปตามจับผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว
“ภารกิจหลักของกระทรวงดิจิทัลฯ คือวางนโยบายและเร่งขับดันให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีต่างๆ เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กระทรวงไม่มีกุญแจมือ หรือมีอำนาจไปจับใคร ที่ผ่านมาจึงได้พยายามสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ให้ทางหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่สามารถติดตามจับกุมและดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
สำหรับแพลทฟอร์มต่างชาติ ถ้ามาทำธุรกิจในไทย ก็ต้องเคารพกฎหมายไทย แม้ข้อมูลต่างๆ จะอยู่ใน server ต่างประเทศ เปรียบเสมือนเราอยู่ปลายก๊อก แต่แทงค์น้ำหรือข้อมูลอยู่นอกประเทศ คงยากที่จะใช้กฎหมายไทยไปบังคับให้ลบได้ทันที ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะจัดการแก้ปัญหานี้ให้ได้ มีข่าวดีเร็วๆ นี้แน่นอนครับ”