มีรายงานความคืบหน้าคดีของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นพยานคนสำคัญในคดีของนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา
ที่ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ของ นายสมชาย อายุ 50 ปี เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของเช้าวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณแยกฟ้าธานี ถนนห้วยแก้ว ในตัวเมือง จ.เชียงใหม่ นั้น
ล่าสุดทางด้านพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตะสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่นายสมชาย ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่ได้รู้จักกับนายจารุชาติ ผู้ตายที่ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันมาก่อนนั้น
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจได้ติดตามแกะรอย โดยย้อนเส้นทางของการขับขี่กลับไปตามต้นทาง พบว่านายสมชายได้ไปกินดื่มที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลแม่เหี๊ยะ และได้พบหลักฐานสำคัญเป็นกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลเป็นเจ้าของและพนักงานในร้านจนทราบความจริงว่า นายสมชายให้การไม่ตรงกับความจริง จึงได้เรียกมาสอบเพิ่มในคืนที่ผ่านมา และได้กลับคำให้การโดยอ้างว่าเกิดจากอาการเมาที่ดื่มเบียร์ไปในปริมาณมาก
ทั้งนี้ผู้การเชียงใหม่ ได้เปิดลำดับเหตุการณ์ ระบุว่า นายสมชายได้ไปกินดื่มในร้านอาหารดังกล่าวจนกระทั่งร้านใกล้จะปิด เช่นเดียวกันกับนายจารุชาติผู้ตาย ที่ไปนั่งกินดื่มแต่ไม่ได้ไปด้วยกัน ไม่ได้ร่วมโต๊ะเดียวกัน แต่เป็นจังหวะที่ร้านกำลังจะปิด ทั้งสองคนจึงมาเจอกันที่หน้าร้านด้วยอาการเมาทั้งคู่ จึงได้พูดคุยกันถูกคอและชวนกันไปดื่มต่อ
โดยนายสมชายได้ชวนนายจารุชาติ ว่าจะพาไปหาคนชื่อน้องแหวนในตัวเมืองเพื่อดื่มเหล้ากันต่อ หลังจากนั้นก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามกันมาในลักษณะมีอาการมึนเมา และมีการขับเฉี่ยวกันไปมาจนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ผู้ตายพยายามจะแซงแต่เฉี่ยวชนกันจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ขณะที่ทางด้านนายสมชาย ได้ลำดับเหตุการณ์ใหม่ และยอมรับว่าที่ให้การไปว่าไม่รู้จักกันก็ด้วยความเมา ยืนยันว่าเพิ่งมารู้จักกันที่หน้าร้านเหล้าดังกล่าว ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมั่นใจว่าจะสามารถรวมรวมพยานหลักฐานได้ครบ ตอนนี้รอเพียงผลพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐาน ผลตรวจร่างกายของทั้งสองคนเรื่องของสารต่างๆ รวมทั้งแอลกอฮอล์เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี
เบื้องต้น มีการแจ้งข้อหานายสมชายขับรถโดยประมาทไปแล้ว ทั้งนี้ที่ตำรวจลงมาติดตามเรื่องนี้ทั้งการสืบสวนต่าง ๆ ให้เกิดความกระจ่างเนื่องจากถือเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของผู้คน
อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งประเด็นที่ยังต้องหาคำตอบ คือ ลูกสาวผู้เสียชีวิต ได้กล่าวว่า ตนเองไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ แต่พ่อก็จะโทรมาคุยกันตามประสาพ่อลูก เรื่องกิจวัตรประจำวัน ลูกสบายดีไหม กินข้าวหรือยัง ตอนนี้ทำอะไรอยู่ ประมาณ 2-3 วันครั้ง แต่พ่อไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับคดีหรือเรื่องที่พ่อทำอะไร และตอนที่เกิดเรื่องตอนนั้น ปี 2555 ตนเองก็ยังอายุไม่กี่ขวบ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร
และไม่รู้ว่าทำไมคนถึงสนใจมาก ถ้าไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่คนสงสัยตนเองก็อยากรู้ว่าพ่อตายเพราะอะไร ส่วนโทรศัพท์ของพ่อ ญาติบอกว่าตัวเครื่องแตกละเอียด และไม่เห็นซิมอยู่ในเครื่อง มีคนเอามาให้ที่โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ส่วนเป็นใครไม่มีคนรู้จักเลย