ทางการอินเดียรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (30 ก.ค.63) จำนวน 52,123 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่เกือบ 1.6 ล้านรายแล้ว
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่ 775 ศพ ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดเข้าใกล้ 35,000 ศพ
โดยในเมืองใหญ่อย่างนิวเดลี และมุมไบ เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่การติดเชื้อในพื้นที่ชนบทกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างความกังวลว่าระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอในพื้นที่ห่างไกลอาจจะไม่สามารถรับมือได้
ทั้งนี้อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐฯและบราซิล โดยมีผู้ติดเชื้อมากเกือบ 20 เท่าของจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนที่มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกัน
ก่อนหน้านี้ กรุงนิวเดลีเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เฟสที่ 3 ซึ่งจะส่งผลให้มีการยกเลิกเคอร์ฟิวในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยอนุญาตให้โรงยิมสามารถเปิดให้บริการได้ ขณะที่โรงเรียน โรงภาพยนตร์ และบาร์ยังคงปิดต่อไป
สำหรับมาตรการคุมเข้ม ปิดเมืองนานเกือบ 3 เดือน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก แม้จะยกเลิกมาตรการปิดเมืองและใกล้จะถึงช่วงเทศกาลสำคัญของอินเดียแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวมากนัก
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ มีรายงานด้วยว่าจากการตรวจคัดกรองตัวอย่างเลือดของผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัด 7,000 คน โดยเทศบาลนครมุมไบและสถาบันวิจัย ทาทา ในมุมไบ พบว่า 57 เปอร์เซ็นต์ มีผลตรวจสารภูมิต้านทานแอนตี้บอดี้โควิด-19 เป็นบวก ซึ่งหมายความว่าคนเหล่านี้มีภูมิต้านทานโควิด-19 และจะเป็นแนวกันการแพร่เชื้อต่อในพื้นที่ได้ ซึ่งแม้ดูจะเป็นแนวโน้มที่ดี
แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายังคงวางใจไม่ได้ เพราะยังไม่สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของเชื้อไวรัสนี้ได้ ขณะที่เมืองมุมไบมีประชากร ทั้งสิ้น 20 ล้านคน ในจำนวนนี้ 40 % หรือราว ๆ 8 ล้านคน ต้องอยู่ในชุมชนแออัด นั่นหมายความว่าอาจจะมีประชาชนจำนวน 4 ล้านคน ที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขัดแย้งกับตัวลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศ ที่มีอยู่ 1.5 ล้านราย