บทความพิเศษ : โน้มคารวะ “หงา-คาราวาน” ในวันที่ มิตร-พี่-น้อง ตราหน้าว่า “ทรยศ” โดย ดร.เวทิน ชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันทิศทางไทย
งานสัปดาห์หนังสือทุกครั้ง บูธหนึ่งที่ผมต้องไปซื้อหนังสือให้ได้คือ บูธสามัญชน ของคุณเวียง เพราะผมเห็นว่าคนทำหนังสือวรรณกรรมเพื่อวรรณกรรมนั้นมันน้อยลงทุกที แม้ผมจะขยะแขยงข้อเขียนของศิลปินแห่งชาติที่เปลี่ยนตัวเองจาก “สิงห์” เป็น “สุนัข” สนามหลวงที่ บก.เวียงอัญเชิญมาเขียนคำนิยมในทุกตัวอักษร แต่ก็ยังซื้อเพราะเนื้อหาและคุณภาพในส่วนอื่นที่ชื่อชั้นของบก.เวียงรับประกันอยู่
จะเสียดายอยู่ก็แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้ซื้อหนังสือของ สุรชัย จันทิมาธร ที่ บก.เวียงสู้อุตส่าห์พิมพ์ขึ้นมาให้ เพราะชื่นชอบ “ดนตรี” มากกว่า “ตัวอักษร” ของ หงา คาราวาน
ผมเคยเจอ หงา-คาราวาน ครั้งเดียวไม่ใช่ในคอนเสิร์ต แต่เป็นในร้านกีตาร์เล็กๆแถวบ้าน ผมเอากีตาร์ไปซ่อม เจอผู้เฒ่ายืนอยู่ในร้าน ไม่ได้ทัก ไม่ได้คุย ไม่ได้ขอเซลฟี่(เพราะสมัยนั้นยังไม่มี) แค่ยิ้มๆให้กัน แล้วต่างคนต่างทำธุระของตนในร้าน เสร็จแล้วก็จากลา แต่ตอนที่บังเอิญหลงไปเที่ยวอนุสรณ์ผู้เสียสละที่เขาค้อปีที่แล้ว เสียงเพลง “ใกล้ตา ไกลตีน” ของน้าหงา ดังอยู่ในหัวผมตลอด
40 ปีให้หลัง “สงครามประชาชน” (2519-2523) สิ้นสุดลง สมรภูมิเขาค้อกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยววันหยุด เลือดที่เคยนองทั่วแผ่นดินซึมหายไป ร้อยพันร่างที่ถูกฝังฝากไว้ในแผ่นดินคืนสู่ธาตุธุลีเดิม ชีวิตยังคงดำเนิน ความผันแปรปรากฎ เรื่องราวการปฏิวัติ อุดมการณ์ การสู้รบ และความสูญเสีย กลายเป็นเรื่องราวเล่าขานที่นับวันจะถูกลบลืม
ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีใจหรือเสียใจ ด้านหนึ่งมันก็ดีเลิกฆ่ากันไปได้ แต่อีกด้านความหมาย ของการต่อสู้ของยุคสมัยหนึ่ง ที่เอาเลือด เนื้อ ชีวิต เข้าแลก กลับเหลือคุณค่าเพียงฉากหลังที่คนรุ่นใหม่ใช้ถ่ายรูปเซลฟี่เพื่อโพสต์อวดในโซเซียลยุคสมัย ถ้ามันจะทำร้าย มันก็ทำร้ายทุกคนนั่นแหละครับ คุณเวียง ทั้งคุณ ทั้งน้าหงา ทั้งผม หรือใครอื่นที่ยังมีความทรงจำเก่าเก็บเกี่ยวกับมันอยู่ คนที่ไม่ถูกยุคสมัยทำร้ายก็คือ คนที่ฝังกายอยู่ในธุลีดินเหมือนในเพลงของน้าหงา
- “…เจ้าเคยฝันถึงวันที่ดี
มาบัดนี้ไม่อาจพบหน้า
ดูใกล้ตา แต่แล้วไกลตีน - แผ่นดินที่หอม แผ่นดินที่ตรอม
จะกอดเจ้าไว้ ยังไออุ่นกัน…” - เพลง “ใกล้ตา ไกลตีน”
สุรชัย จันทิมาธร
เพลงที่หงา คาราวานเขียนให้มิตรที่ทิ้งร่างไว้ในป่า…และการเดินทางอันยาวนานในป่า ที่ไปไม่ถึงสักที เหมือนกับการปฏิวัติในป่า เหมือนภูเขาที่มองดูแล้วอยู่ ..ใกล้ตา…แต่เดินไปไม่ถึงสักที ”
ผมคิดว่าทั้งคุณเวียง และ น้าหงา ก็น่าจะเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่ผันผ่านเข้ามาในชีวิต เพลงเพื่อชีวิตกลายเป็นของโบราณ วรรณกรรมยิ่งใหญ่กลายเป็นเพียงสินค้าเฉพาะกลุ่ม แค่ทั้งสองท่านยังยืนหยัดสู้อยู่ได้ในโลกแบบนี้ ผมก็คารวะแล้วครับ มิต้องไปพูดเรื่องทัศนะ ความคิด หรือ การเมืองอื่นใด?
ความขัดแย้งใหม่เกิดขึ้นตามเหตุและปัจจัย ยุคสมัยเปลี่ยนแต่ก็ยังมีคนอยากให้คนไทยเข่นฆ่ากันอีก สร้างความแบ่งแยกแตกต่าง ระหว่างรุ่นระหว่างวัย ขึ้นแทนที่ความแตกต่างทางชนชั้น ลามปามไปถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยงและอันตราย
ผมไม่ได้เห็นด้วยกับทุกบทกวีที่น้าหงาเขียน แต่คุณเวียง จะเอาไหมล่ะครับ ถ้าเอาแบบไม่ต้องคิดว่าสังคมจะเป็นอย่างไร มาเลย พวกหนึ่งบอกว่าพวกกูไม่ทน อีกพวกก็บอกกูก็ทนไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าจะรุ่นไหน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็เถอะ มันง่ายครับ จะทะเลาะ จะเข่นฆ่ากัน มันไม่ยาก ไอ้ที่ยากก็คือ หลังจากฆ่ากันเสร็จแล้ว มานั่งรำพึงรำพัน สำนึกเสียใจ ขณะที่ไอ้คนที่ยุเด็กอยู่ข้างหลังมันโผล่ออกมาเกี่ยวเก็บประโยชน์โภชผลจากกองซากศพและเลือด…จะเอาแบบนี้หรือครับ
ในวันที่น้าหงา ถูกคุณเวียง พี่ น้อง มิตรร่วมรบ ตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ทำไมผมกลับรู้สึกว่า หงา คาราวาน มีความเป็นคนมากขึ้น คนที่รู้เจ็บรู้ปวด กับ “บาดแผล” ที่ครั้งหนึ่งเราแม่งเคยเข่นฆ่ากันด้วยอะไรก็ไม่รู้ที่ต่างฝ่ายต่างเรียกขานยกย่องด้วยถ้อยคำสวยหรู
คุณเวียงอาจรู้จักหงาคาราวานมากกว่าผม แต่เวลาผมอ่านบทกวีที่น้าหงาเพิ่งเขียนที่ทำให้แกถูกหาว่าทรยศอุดมการณ์
- “…จะปลดแอกเพื่อใครที่ไหนหนอ
ผู้เฒ่ารอร้อรอจนหัวขาว
ที่ผ่านมารบกันก็นานยาว
เห็นแต่ศพทบท่าวธุลีดิน…” - “…อย่าเย่อหยิ่งทะนงตนคนรุ่นใหม่
ไม่กี่ปีผ่านไปมันก็เก่า
ความเป็นคนที่แท้อยู่แก่เรา
จะแก่เฒ่าสาวหนุ่มก็กลุ่มคน…”
ทำไมผมนึกถึงท่อนนี้ของเพลง “ใกล้ตา ไกลตีน”
- “…รักเจ้าไว้ยังไออุ่นกัน
ฝันและฝันให้ไกลที่สุด
เจ้ามนุษย์ เจ้าหวังสิ่งใด…”
แทนที่จะก่นด่ากันเอง อายุปูนนี้แล้ว เด็กแม่งมันไม่สนทั้งน้าหงาทั้งคุณทั้งผมที่หัวหงอกแล้วหรอกครับ เราควรถามกับใครดี กับคำถามสุดท้ายในเพลงที่หงาคาราวานทิ้งเอาไว้ “เจ้ามนุษย์เจ้าหวังสิ่งใด? ”
ถามเยาวชน? ถามธนาธร? ถามประยุทธ์? ถามอะไรอื่น? หรือ ถามตัวเอง? (ปล. งานหนังสือคราวหน้า ผมจะไปซื้อหนังสือของนักเขียนชื่อ สุรชัย จันทิมาธร ที่บูธสามัญชน หวังว่าคงไม่โล๊ะทิ้งไปก่อนนะครับ)