กรมอนามัยแนะ สั่ง “อาหารเดลิเวอรี่อย่างไรให้ปลอดภัย โควิด-19 “

0

มาตรการกักตัวอยู่ในบ้าน หยุดอยู่กับบ้าน ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น และคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้มีการสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น เราจะทำอย่างไรให้ปลอดภัยจากโควิด-19  “คนปรุง คนส่งอาหาร” ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ให้ปลอดภัย

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีข้อแนะนำให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่จัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ผู้บริการรับส่งอาหาร และตัวผู้บริโภค  ต้องทำอย่างไร แบบละเอียดยิบทุกขั้นตอน

1.”ผู้ประกอบการ” ที่จัดบริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ (delivery)

“ต้อง”

  • คัดเลือกร้านอาหารได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งเป็นสถานที่จำหน่ายอาหารจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
  • ติดตามสถานการณ์และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และให้ความรู้หรือประชาสัมพันธ์คนขนส่งอาหาร เช่น การสวมหน้ากากที่ถูกวิธี และขั้นตอนการล้างมือที่ถูกต้อง เป็นต้น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของบริษัท
  • จัดบริการหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอร์สำหรับทำความสะอาดมือให้แก่คนขนส่งอาหาร
  • จัดบริการตรวจสุขภาพให้แก่คนขนส่งอาหาร หากพบคนขนส่งอาหารมีอาการป่วย เช่น  มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที

2. “ร้านอาหาร” ให้บริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ (delivery)

“ต้อง”

  • อาหารปรุงสำเร็จ ต้องปรุงแบบสุกใหม่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ปรุงให้สุกด้วยความร้อนไม่น้อยกว่า 70 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงการจำหน่ายอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก สุกๆดิบๆ
  • หากผู้ปรุง พ่อครัว แม่ครัว มีอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที
  • จัดให้มีที่ล้างมือพร้อมสบู่สำหรับล้างมือ หรือจัดให้มีเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ
  • จัดสถานที่ให้เพียงพอกับจำนวนคนขนส่งอาหารที่เข้ามาใช้บริการโดยจัดระยะห่าง 1 เมตร และมีการระบายอากาศที่เหมาะสม
  • จัดหาภาชนะบรรจุอาหารที่เหมาะสมกับอาหารแต่ละประเภท แข็งแรง ปกปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในระหว่างการขนส่ง ไม่ใช้โฟมในการบรรจุอาหาร
  • อาหารปรุงสำเร็จ มีการติดฉลากที่ระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น ชื่อร้านอาหาร  วัน/เดือน/ปี เวลาที่ผลิต ระยะเวลา และอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาอาหาร เป็นต้น กรณีจัดส่งอาหารเสี่ยง เช่น อาหารที่ใช้มือสัมผัสมาก (ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ฯลฯ) อาหารที่มีส่วนประกอบของ กะทิ นม ควรแนะนำให้ผู้บริโภคนำไปอุ่นร้อนก่อนรับประทาน

3.”คนขนส่งอาหารเดลิเวอรี่” (delivery)ได้แก่ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาหารตั้งแต่กระบวนการสั่งซื้ออาหาร การรับอาหารจากร้านอาหาร และขนส่งอาหารไปสู่ผู้บริโภค

“ต้อง”

  • สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตนเอง และไอ จามปนเปื้อนอาหาร และลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อโรคระหว่างให้บริการ
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอร์ ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานขนส่งอาหาร ก่อนเข้าร้านอาหาร หลังการส่งอาหารให้ผู้บริโภค หลังเข้าส้วม หลังจับสิ่งสกปรก และจับเงิน
  • หากมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที
  • จัดหากล่องบรรจุอาหารท้ายยานพาหนะสำหรับขนส่งอาหาร ที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง ปกปิดมิดชิดในลักษณะที่ช่วยป้องกันการปนเปื้อน และใช้กล่องบุฉนวนเพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม ต้องทำความสะอาดด้วยน้ำและน้ำยาทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคด้วย Alcohol 70 % โดยสเปรย์หรือหยด Alcohol 70 % ลงบนผ้าสะอาดพอหมาดๆ เช็ดไปในทิศทางเดียวกัน เป็นประจำทุกวัน
  • ตรวจสอบคุณภาพอาหารทันทีหลังได้รับจากร้านอาหาร เช่น ความสะอาด สภาพอาหารและไม่มีกลิ่นเน่าเสีย บรรจุอยู่ในภาชนะที่มีสภาพดี ไม่ชำรุด การปกปิดอาหาร ฉลากอาหาร เป็นต้น
  • การส่งอาหารต้องแยกเก็บอาหารเป็นสัดส่วน ระหว่างอาหารปรุงสำเร็จ และเครื่องดื่ม และจัดส่งถึงมือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด
  • ไม่ควรเปิดกล่องบรรจุอาหารท้ายยานพาหนะ จนกว่าจะพบผู้สั่งซื้ออาหาร โดยก่อนเปิดกล่องใส่อาหารทุกครั้งควรทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ จัดส่งอาหารให้ผู้สั่งซื้อโดยตรงหรือจุดที่ผู้สั่งซื้อกำหนดเพื่อลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อโรคระหว่างให้บริการผู้สั่งซื้อ ในการส่งอาหารคนขนส่งอาหารควรอยู่ห่างผู้รับอาหารอย่างน้อย 1 เมตร หรือในกรณีที่ไม่ได้ส่งอาหารให้กับผู้สั่งอาหารได้โดยตรง สถานที่หรือบริเวณที่จะส่งอาหารต้องไม่ทำให้อาหารเกิดการปนเปื้อน เช่น ไม่ส่งอาหารบริเวณใกล้ถังขยะ เป็นต้น และภายหลังส่งอาหารและหลังการจับเงินให้ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
  • ถอดถุงมือผ้าในระหว่างการหยิบจับอาหาร เพราะอาจเกิดการปนเปื้อนของฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่สะสมในถุงมือผ้า กรณีใส่ถุงมือผ้าในระหว่างการใช้ยานพาหนะขนส่งให้ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนการสวมใส่ทุกครั้ง และเปลี่ยนถุงมือทุก 4 ชั่วโมง ทำความสะอาดถุงมือด้วยน้ำยาทําความสะอาดทุกวัน

4.”ผู้สั่งซื้ออาหาร/ผู้บริโภค”

“ต้อง”

  • ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ หลังการรับอาหารจากคนขนส่งอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร
  • สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยหากมีอาการป่วย ในระหว่างการรับอาหารจากคนขนส่งอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการสั่งซื้ออาหารกลุ่มเสี่ยง เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือเครื่องในสัตว์ที่ปรุงไม่สุก อาหารที่เน่าเสียง่าย อาหารที่ปรุงด้วยนม กะทิ เป็นต้น กรณีอาหารเสี่ยง เช่น อาหารที่ใช้มือสัมผัสมาก ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ฯลฯ อาหารที่มีส่วนประกอบของ กะทิ นม เมื่อรับอาหารแล้ว ต้องหยิบออกจากกล่องบรรจุเองไม่ให้ผู้จัดส่งเป็นผู้หยิบ จากนั้นนำอาหารถ่ายออกจากภาชนะ นำไปใส่ภาชนะของตัวเอง ควรนำไปอุ่นร้อนก่อนรับ หรือทำให้เสมือนปรุงอาหารให้สุกใหม่อีกครั้ง ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร เพื่อให้ปลอดภัยในสถานการณ์โรคระบาด
  • ตรวจสอบคุณภาพอาหาร เช่น ความสะอาด สภาพอาหารและไม่มีกลิ่นเน่าเสีย ความเหมาะสมของภาชนะบรรจุ การปกปิดอาหาร เป็นต้น เมื่อได้รับอาหารจากคนขนส่งอาหาร

เราอยากให้ทุกคนอยู่บ้าน หากทุกคนสามารถสั่งซื้ออาหารได้อย่างสะดวกและปลอดภัย จะทำให้ทุกคนร่วมมือหยุดอยู่กับบ้าน โดยพบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการหลายแห่ง เริ่มปรับตัวเปลี่ยนวิธีการส่ง จากเดิมที่กำหนดเส้นทางเดียวกันไปพร้อมกัน 3 กล่อง ก็ออกแบบให้เป็นการจัดส่งแบบ 1:1 วางแผนให้อาหารออกจากร้านส่งถึงมือผู้บริโภคภายในช่วงเวลาที่กำหนด

อธิบดีกรมอนามัย ยังย้ำเตือนไปถึงผู้ที่ซื้ออาหารมากักตุน ทั้งอาหารปรุงสำเร็จและอาหารสด ขอชี้แจงว่าบ้านเราเป็นแหล่งอาหาร ที่ตลาดสดยังมีความพร้อม มีการส่งวัตถุดิบอาหารตลอดเวลาไม่เหมือนช่วงน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงอาหารที่ปรุงสุกใหม่ได้ ถ้าซื้ออาหารสดต้องจัดระบบให้ดี ถ้าเก็บไว้นานเกินอาหารก็จะเน่าเสีย ขาดคุณภาพ ขอให้เรียงลำดับให้ดีว่าจะรับประทานอะไรก่อนหลัง ยืนยันว่าไม่ต้องรีบเรื่องการกักตุนอาหาร