อดีตทูตนริศโรจน์สอนเด็กรุ่นใหม่!เข้ามาถามสถาบันมีไว้ทำไมเผยโดนล้างสมอง

0

จากที่วันนี้(22ก.ค.63) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีเด็กคนหนึ่งเข้ามาถามเกี่ยวกับเรื่องสถาบัน จากการาอ่านบทความของตนเองนั้น

ดีใจที่สุดที่บทความที่ผมเขียนตอบคำถามเด็กว่าสถาบันมีคุณปย.อะไร ? มีไว้ทำไมในช่วงที่เกิดโควิด สามารถทำให้เด็ก 1 คนที่กำลังโดนล้างสมอง ให้สามารถใช้สติ และพิจารณาแบบเป็นเหตุเป็นผลได้ และประจักษ์กับสิ่งที่สถาบันทำเพื่อประเทศและคนไทยได้

เด็กๆอย่าไปใช้ “พระเดช” กับเขาครับ ยังไงเสียเขาก็เป็นลูกหลานเรา ต้องใจเย็น อดทน ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ถ้าเขาหยาบคายมา อย่าหยาบคายตอบ ถ้าทนไม่ได้ก็ปิดเม้นท์อย่าดู แต่ถ้าเด็กคนไหนที่ยังพอมีสติ รับฟังได้ เขาจะกลับมาเอง

ก่อนอื่นเลยเราต้องเปลี่ยนความเกลียดของเขา ให้เขารู้สึกเฉยหรือเป็นกลาง (neutral) ให้ได้ก่อน จากนั้นการจะให้เขารู้สึกนิยมสถาบันได้ ต้องใช้”พระคุณ” ครับ ต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตอบคำถามเขาได้ตรงประเด็น เขาถึงจะกลับมา

อย่าเพิ่งท้อถอย อย่าผลักไสไล่ส่งเขา เขาเป็นลูกหลานเรา เขามีสิทธิ์อยู่ในแผ่นดินนี้ เห็นต่างได้ไม่ว่ากัน แต่กล่อมให้เขาสุภาพหรือเย็นลงได้ด้วยเหตุผลคือสิ่งที่สำคัญที่สุด !

ก่อนหน้านี้นายนริศโรจน์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ว่า

มีเด็กรุ่นใหม่ที่ยังมีสติมีเหตุผล ยังเป็นตัวของตัวเอง ได้เข้ามาหารือกับผมอย่างสุภาพ โดยเขาบอกว่า ช่วงนี้เขาได้รับการสอบถามจากเพื่อนๆเขาว่า “สถาบันกษัตริย์มีไว้ทำไม มีประโยชน์อะไรโดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดไปทั่วโลก ?” เขาจึงอยากให้ผมช่วยชี้แนะ ทั้งนี้เพราะเพื่อนของน้องที่ถามผมนั้นนอกจากมีโลกทัศน์ที่แคบมากแล้ว ยังถูกปั่นและล้างสมองจากขบวนการบิดเบือนข้อมูลเปลี่ยนขาวเป็นดำ

เด็กรุ่นใหม่หลายคนมองเรื่องโควิดด้วยมิติที่ตื้นและแบนราบมิติเดียวว่าเพราะเขาดูแลตัวเองกันดีต่างหาก โควิดในไทยถึงไม่ระบาด !!??? ผมจึงได้อธิบายน้องคนนั้นเพื่อให้เอาไปบอกต่อเพื่อนๆเขาดังนี้ คือ

1.การแพทย์สมัยใหม่ไทยที่ติดอันดับโลกจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้เนี่ย เป็นเพราะ ร.5 ทรงวางรากฐานไว้พระองค์แรกเลย จากนั้นในหลวงรัชกาลต่างๆ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น สมเด็จพระราชบิดา กรมหลวงสงขลานครินทร์ ก็ได้ทรงทำนุบำรุงพัฒนาต่อมาจนการแพทย์เราไม่น้อยหน้าใครถึงทุกวันนี้

2.แต่ละปี สถาบันมีรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล”ที่ให้เงินแก่แพทย์หรือบุคลากรทางด้านสาธารณสุขทั่วโลกที่มีผลงานดีเด่น คิดค้นวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆทางการแพทย์/สาธารณสุข เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอด รางวัลนี้พระราชทานมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว เปรียบเหมือนโนเบลทางการแพทย์ มีบุคคลากรที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก รวมทั้งของไทยได้รางวัลไปแล้วหลายคน

3.สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์ประธาน ในพิธีพระราชทานรางวัลอย่างเป็นทางการกระทำที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้ว 10 กว่าปี

4.นอกจากนี้ก็มีรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทร์ (สมเด็จย่า) ให้รางวัลด้านพยาบาลศาสตร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพพยาบาลทั่วโลก นี่ก็ให้มาหลาย 10 ปีแล้วเช่นกัน

5.รพ.สำคัญๆที่เป็นแหล่งผลิตแพทย์ชั้นนำของประเทศ เช่น ศิริราช จุฬา รามา ล้วนมีที่มาเกิดจากสถาบันที่ได้ริเริ่มวางรากฐานให้ทั้งสิ้น จนมีอาจารย์หมอและบุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถรับกับโควิดได้ดีจนเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศถึงทุกวันนี้

6.ผู้ที่เคยชนะได้รับพระราชทานรางวัล “สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” นั้นเป็นบุคคลากรที่มีชื่อเสียงระดับโลก บางคนเคยได้รางวัล Nobel Prize แล้วก็มาได้รางวัลเจ้าฟ้ามหิดล หรือในทางกลับกัน ได้รับรางวัลเจ้าฟ้ามหิดลแล้วต่อมาก็ได้รับรางวัลโนเบล

7.เท่าที่ทราบตอนนี้คนที่ได้รางวัลเจ้าฟ้ามหิดลจากประเทศต่างๆ หลายคนก็อยู่ในทีมนักวิจัยที่กำลังทดลองผลิตวัคซีนสู้ไวรัสโควิดในประเทศต่างๆ ซึ่งรวมทั้งทีมแพทย์และนักวิจัยไทยหลายท่านด้วยที่เคยได้รางวัลก็อยู่ในทีมผลิตวัคซีนสู้โควิดในส่วนของไทยอยู่ตอนนี้ ซึ่งก็ใกล้สำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรมอยู่ตอนนี้

8.ในหลวง ร.10 และสมเด็จพระราชินี ก็ได้พระราชทานเงินแก่ รพ.ต่างๆ พระราชทานห้องแล็บความดันในการตรวจหาเชื้อโควิด รถ Mobile เคลื่อนที่ตรวจเชื้อโควิด พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่างๆมากมายแก่ รพ.ต่างๆทั่วประเทศ ตอนช่วงไทยประกาศ lock down ใหม่ ก็พระราชทานถุงยังชีพให้เจ้าหน้าที่อัญเชิญไปวางถึงหน้าบ้านคนที่ด้อยโอกาสตามชุมชนแออัด. เจ้านายทุกพระองค์ก็ออกมาทำเจลแอลกอฮอล์ ทำหน้ากากแจกชาวบ้าน ฯลฯ

นี่คือคุณูปการแค่ส่วนหนึ่งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงทำคุณประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด  ในขณะนี้

ในทางกลับกัน ผมก็ได้ฝากคำถามไปยังเด็กรุ่นใหม่ว่า บุคคลที่เขาหลงไหลได้ปลื้มทางการเมืองในขณะนี้ ได้ทำคุณประโยชน์อะไรให้กับประเทศไทยทางด้านการแพทย์บ้าง !!??

ที่มา : เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj