เมื่อวันที่ 21 ก.ค.63 มีความเคลื่อนทางด้านอดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ได้ถ่ายทอดความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า… ในชุมชนใหญ่แห่งหนึ่งได้เกิดเหตุไฟป่าลามมาจากทุกทิศ ไฟได้เผาทำลายบ้านหลายหลังในชุมชนนั้นจนวอดเป็นจุณ มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย
แต่มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ก็โดนไฟลามเผาทำลายบ้านบางหลังในหมู่บ้านนั้น แต่บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนั้นยังอยู่รอดไม่ไหม้ เพราะลูกบ้านพร้อมใจกันฉีดน้ำเลี้ยงได้อย่างถูกวิธี
ด้วยความเก่งของผู้ใหญ่บ้าน และทีมอาสามัครประจำหมู่บ้าน จึงได้ป่าวประกาศขอให้สมาชิกหมู่บ้านออกมาช่วยกันดับไฟป่า ซึ่งสมาชิกทุกคนในหมู่บ้านก็ร่วมมือกันอย่างพร้อมเพรียงหาอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง อุปกรณ์ดับไฟมาช่วยกันระดมดับไฟป่าที่ลามมาจากทิศต่างๆอย่างขมักเขม่น จนเป็นที่เลื่องลือชื่นชมไปยังหมู่บ้านอื่นจนต้องดูหมู่บ้านนี้เป็นตัวอย่าง
แต่แล้วจู่ๆวันนึง ก็มีลูกหลานของสมาชิกหมู่บ้านออกมาชุมนุมกันที่ลานหมู่บ้านเพื่อเรียกร้องขอปลดแอกพันธะต่างๆที่เป็นกฏเกณฑ์ของหมู่บ้านที่ผู้คนปฏิบัติตามกันมาด้วยดี
ลูกหลานที่ออกมาชุมนุมนั้นมีข้อเรียกร้องต่างๆมากมาย เช่น ขอให้หมู่บ้านยกเลิกกฏเกณฑ์ของหมู่บ้านทั้งหมด โดยเด็กๆอยากให้เอาอย่างอีกหมู่บ้านหนึ่ง (ที่ไฟกำลังโหมหนักจนคุมไม่อยู่) เด็กๆขอออกไปเที่ยวข้างนอกได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องขอหรือบอกพ่อแม่ก่อน โดยอ้างว่าโตแล้ว
ในขณะที่ผู้ใหญ่คนอื่นๆในหมู่บ้านที่กำลังวิ่งวุ่นเพื่อหาทางดับไฟจากรอบทิศ ต่างก็มองเด็กๆที่ออกมาประท้วงชุมนุมในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ด้วยสายตาที่อิดหนาระอาใจ
เพราะนอกจากเด็กๆไม่ช่วยดับไฟแล้ว ก็ยังนั่งขวางทางคนที่เขากำลังปฏิบัติงานอีกด้วย ! พฤติกรรมเด็กๆเหล่านี้เหมือนลูกเทวดา พ่อแม่อบรมสั่งสอนอะไรก็ไม่ฟัง ถือว่าตัวเองเก่งรู้ดีกว่าพ่อแม่ตัวเอง แถมบางคนดูถูกพ่อแม่ตัวเองด้วย
จบนิทานเรื่องนี้ด้วยความรันทดใจต่อชะตากรรมของคนในหมู่บ้านนั้นที่กำลังเหน็ดเหนื่อยกับการต่อสู้กับไฟป่า แล้วยังต้องมาเจอพฤติกรรมของลูกหลานตัวเองที่ทำตัวไม่รู้กาละเทศะ !