พี่ศรีฯแฉม็อบจาบจ้วงเบื้องสูงทำเป็นขบวนการ จี้ตร.เอาผิดโทษหนักคุก15ปี

0

จากกรณีกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free YOUTH ชุมนุมไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เรียกร้องยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และแก้รัฐธรรมนูญ โดยมีการจาบจ้วงสถาบันนั้น

ต่อมานายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความถึงการชุมนุมดังกล่าว พร้อมนำภาพหนึ่งมาโพสต์ไว้ทั้งข้อกฏหมายและตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจช่วงหนึ่งว่า

ภาพนี้ชัดเจนมั้ยครับว่า ในการชุมนุมของม็อบวันก่อนมีกลุ่มล้มสถาบันเข้าร่วมมากมายทั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและที่เชียงใหม่ แม้จะใช้ถ้อยวาทกรรมเล่นลิ้นบิดเบือนใช้วิชาศรีธนนชัยแปลงเลี่ยงกฎหมายได้ก็ตาม แต่การชุมนุมการเมืองด้วยความสงบสันติปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิเสรีภาพทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแปดเปื้อนไปด้วยกลุ่มคนที่แฝงอคติโค่นล้มสถาบันเข้าร่วม?

“จึงเรียนมาเตือนผู้มีหน้าที่และอำนาจเพื่ออย่าได้ละเลยการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและใช้ความระมัดระวังละเอียดรอบคอบและตรงไปตรงมาต่อผู้กระทำความผิดดังกล่าวตามภาพ” นายสมชาย กล่าว

ล่าสุดวันนี้(21ก.ค.63) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเปิดเผยด้วยว่า ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก – Free YOUTH ได้ปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมกันในเย็นวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และกลุ่มนักศึกษา-ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุบลราชธานี รวมตัวชุมนุมกันเพื่อแสดงความไม่พอใจการบริหารประเทศของรัฐบาล โดยมีจุดยืนเดียวกันกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ เมื่อเย็นวันที่ 19 ก.ค.63 ที่ข่วงประตูท่าแพ เชียงใหม่ และหน้าศาลหลักเมืองอุบลฯ ตามลำดับนั้น

การชุมนุมดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่ยังไม่ยุติ และยังมีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน 2548 ที่ยังห้ามการรวมกลุ่ม หรือการชุมนุมต่างๆ ดังนั้นผู้ฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตามม.9(2) แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 มีอัตราโทษตาม ม.18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐานมั่วสุมกันเกินกว่าสิบคนหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ถ้าเป็นแกนนำม็อบ หรือ เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และยังมีความผิดตาม ป.อาญา ม.209 ฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท นอกจากนั้นยังเป็นการฝ่าฝืน ม.34(6) แห่ง พรบ.โรคติดต่อ 2558 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทอีกด้วย

แต่ปรากฏว่าในขณะที่มีการชุมนุมในสถานที่ต่างๆข้างต้นนั้น ปรากฎว่ามีผู้ที่แอบแฝงนำป้ายข้อความที่มีลักษณะจาบจ้วงเบื้องสูงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาถือโชว์เพื่อให้นักข่าวและสื่อมวลชนถ่ายภาพนำไปรายงานเผยแพร่ในเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะกระทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เพราะข้อความต่างๆเหล่านั้นเหมือนหรือคล้ายกันทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปีอันถือว่าเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเรื่อยมามีข้อที่กล่าวว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้…”

“ดังนั้นเมื่อมีผู้ชุมนุมบางคนที่มีเจตนาแฝงเข้ามาชุมนุมแล้วนำป้ายข้อความที่มีลักษณะจาบจ้วงเบื้องสูงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาถือโชว์เพื่อให้นักข่าวและสื่อมวลชนถ่ายภาพนำไปรายงานเผยแพร่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องเร่งสืบสวนจับกุมผู้ที่จัดทำและหรือถือป้ายดังกล่าวมาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลเพื่อพิจารณาลงโทษมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว