จตุพรลั่นม็อบอย่าก้าวล่วงสถาบัน ซัดนักการเมืองอย่าไปยุ่งนศ.?

0

จากที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH มีการปราศรัยในช่วงค่ำ ผู้ชุมนุมอ้างว่าได้สังเกตเห็นชายชุดดำ รวมทั้งมีการเผยแพร่พฤติกรรมผู้ร่วมชุมนุมในการพาดพิงสถาบันด้วยนั้น

ล่าสุดวันนี้(19 ก.ค.63) พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และกลุ่มเยาวชนปลดแอก – Free YOUTH ที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาตชุมนุม ส่วนจะมีความผิดฐานชุมนุมในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น ต้องมีการประชุมหารือกับสถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง

ส่วนที่กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประกาศยุติการชุมนุม โดยอ้างว่ามีกลุ่มมือที่สามชายชุดดำเข้ามาปั่นป่วน ข่มขู่ คุกคาม และอาจจะมีความไม่ปลอดภัยนั้น ทาง พ.ต.อ.อิทธิพล ยืนยันว่าไม่มี รวมทั้งการกล่าวอ้างว่ามีชายชุดดำปรากฏอยู่ตามจุดต่างๆ นั้น ก็ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจตั้งแต่ช่วงเย็นตลอดเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุม

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวช่วงหนึ่งในรายการ”ลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์”ทางสถานีโทรทัศน์พีซทีวี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกว่าสิ่งจำเป็นจะต้องทำทั้ง 2 ฝ่าย

คือการแข่งความอดทนซึ่งกันและกัน ตนผ่านเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ในขณะนั้นเป็นคนหนุ่มสาวเหมือนกับคนเหล่านี้ จึงรู้ว่าคนหนุ่มสาวเป็นพลังบริสุทธิ์ มีความฝันมีความหวัง ดังนั้นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองจึงเป็นหน้าที่ และประเทศใด คนหนุ่มสาวไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ ประเทศนั้นหามีอนาคตไม่

ฝ่ายผู้ปกครองจะต้องใจกว้าง จะต้องมีความอดทนให้ถึงที่สุด ขณะเดียวกันข้อเรียกร้องของบรรดาคนหนุ่มสาว 3 ข้อนั้น ก็ต้องยึดกุมให้แข็งแรงและที่สำคัญต้องไม่ไปก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้เป็นจุดอ่อนโดยฉับพลัน

“ทั้ง 3 ข้อเรียกร้องนั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญทั้งการเรียกร้องให้ยุบสภา การเรียกร้องไม่ให้มีการคุกคามบุคคลที่มีความเห็นต่างและเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากขีดเส้นใต้ไว้ 3 ข้อนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะสามารถเดินได้ตามปกติ บทเรียนการชุมนุมแต่ละครั้ง ซึ่งไม่ได้บอกว่าคนรุ่นไหนจะเก่งกว่าคุณรุ่นไหน ดังนั้นปรากฏการณ์เมื่อวานนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง”

ทั้งนี้นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า ในภาวการณ์ของประเทศที่คนไร้ทางออก รัฐต้องยอมรับความเป็นจริงว่าคนไทยอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก การเยียวยาไม่ครบถ้วน อีกทั้งการเยียวยาเท่านั้นไม่สามารถดำรงชีพได้ตลอดไป เหล่านี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ความเดือดร้อนดังกล่าวนั้น คนจะไหลไปรวมกับนักศึกษาโดยอัตโนมัติ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและใจกว้าง ต้องไม่คิดในการที่จะล้อมปราบเพราะจะทำให้สถานการณ์ของประเทศยุ่งยากมากยิ่งขึ้น

ส่วนตัวเห็นด้วยกับการยุติการชุมนุมตอนเที่ยงคืน เพราะการชุมนุมข้ามคืนหากไม่พร้อมก็อย่าทำ ให้รักษาระดับความสำเร็จเอาไว้ และหากไม่พร้อมก็ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ นี่จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด

เพราะคนที่มาร่วมชุมนุมไม่ได้เตรียมตัว คนจัดก็ไม่ได้เตรียมตัว และสถานที่ทุกอย่างก็ขาดความพร้อมทั้งหมดในการชุมนุมยืดเยื้อได้ในทางปฎิบัติ รวมถึงจุดดูแลการรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้มีการเตรียมการ ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางทุกฝ่ายจะต้องใช้ความอดทนกันอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ หากมองด้วยมุมปรากฏการณ์ว่าความแข็งแรงของกระบวนการนักศึกษานั้นคือความเป็นอิสระซึ่งตนห้ามแกนนำ นปช.อย่าเข้าไปใกล้ เพราะเราเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ดังนั้น หากเข้าไปใกล้เมื่อไหร่จะเป็นเหตุ ให้การต่อสู้ของนิสิตนักศึกษา มีสภาพที่ไม่แข็งแรง เพราะพลังบริสุทธิ์จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีที่สุด ส่วนบรรดานักการเมืองพรรคการเมืองจะต้องเว้นระยะห่างจากพลังบริสุทธิ์เหล่านี้

พร้อมย้ำว่า การต่อสู้ทางการเมืองต่อไปนี้ไม่ควรจะมีการบาดเจ็บล้มตายหรือต้องสูญสิ้นอิสรภาพ และเห็นว่าการต่อสู้ของประชาชนนิสิตนักศึกษานั้นเป็นหน้าที่ปกติของคนที่เกิดภายในประเทศนี้

ที่มา : เฟซบุ๊ก PEACE NEWS