จากที่วันนี้(17 ก.ค.63) โดยได้เกิดเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 16 ก.ค. ที่หน้าคอนโดฯย่านสุขุมวิท เจ้าหน้าที่ได้เจรจาหากรณีสถานทูตเอสโตเนีย ส่งบุคคลจากสถานทูต 1 คนขอเข้าพักในคอนโดมิเนียมดังกล่าวนั้น
ทั้งนี้การขอเข้าพักแต่ไม่ได้รับการยินยอมจากฝ่ายอาคารและนิติบุคคล โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ของลูกบ้าน ที่มีอยู่ถึง 604 ห้อง ซึ่งจากการสอบถาม นางนาตาชา รอยส์ รองประธานกรรมการ บริษัท พีพีเอ็ม จำกัด ซึ่งบริหารพื้นที่นิติบุคคลอาคารชุดมิลเลนเนี่ยมเรสซิเด้น เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 14.00 น.ได้รับการติดต่อจากสถาทูตเอสโตเนีย แจ้งว่าจะมีคนจากสถานทูตเข้าพักกักตัว 14 วันที่คอนโดฯนี้
“โดยมีการส่งเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งจากสถานทูตต้นทาง และ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แจ้งมายังนิติบุคคล ซึ่งทางนิติบุคคลได้พิจารณาแล้วยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้ บุคคลดังกล่าวเข้าพักเพื่อกักตัว เนื่องจากหากมีการติดเชื้ออาจส่งผลกระทบกับลูกบ้านอีก 604 ห้อง
ขณะเดียวกันห้องพักที่มีการเช่าไว้ เป็นการเช่าในนามบุคคล ไม่ใช่ในนามสถานทูต จึงเจรจาขอให้ไปพักที่อื่น ซึ่งทางตัวแทนของสถานทูตไม่ยินยอม โดยอ้างเอกสิทธิ์ทางการทูต ในการเข้าพัก ทางนิติบุคคลจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ สำนักงานเขตคลองเตย ให้เข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์หากเกิดความไม่พอใจของลูกบ้าน
อย่างไรก็ตาม นางนาตาชา แจ้งว่าได้ประสานไปยัง ศบค. เพื่อให้ช่วยประสานเรื่องดังกล่าวแล้วแต่ได้รับการแจ้งให้ประสานไปยังสถานทูตเอง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างคอนโดฯ และ สถานทูต
ขณะที่ผู้อำนวยการเขตคลองเตย ได้ลงมาช่วยให้คำปรึกษาและประสานงานล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาผู้แทนสถานทูตเอสโตเนีย ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้จัดสถานที่พักให้ และยินยอมที่จะย้ายไปพักยังสถานที่ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดหาไว้ให้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้อำนวยการเขตของเตย ได้ทำการตรวจสอบและขอให้ทางสถานทูตแจ้งกลับว่าไปพักที่ใดเพื่อให้สามารถติดตามได้หากพบการติดเชื้อในภายหลัง