จากที่วันนี้(16 ก.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนาม ในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่งๆ (ฉบับที่ 2 ) เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.2563 เป็นต้นไปนั้น
ทั้งนี้โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และมีมติมือวันที่ 5 กรกฎาคม2560 แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ) ประกอบกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งคณะกรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2560 เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประทศ พ.ศ. 2560 แล้วนั้น
โดยเนื่องจากต่อมาประธานกรรมการและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศบางคนพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 16 และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการปฏิรูปเสนอให้ปรับเปลี่ยนฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการปฏิรูปแต่ละด้าน เพื่อประโยชน์ในการประสานงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้มีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านอื่นเพิ่มขึ้นตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติแผนและชั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 ประกอบกับอำนาจของนายกรัฐมนตรี ตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 จึงมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประทศในด้านต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการเดิมและกรรมการที่ไต้รับแต่งตั้งใหม่หรือสับเปลี่ยนคณะ
รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติ และเพื่อให้คณะกรรมการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ลงพร้อมกันจึงให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆและใช้ประกาศฉบับนี้แทน
อย่างไรก็ตามสำหรับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆทั้ง 13 ด้าน จำนวน 185 คน มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และที่มีการกล่าวถึงกันมากก็คือ คณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมืองที่มีจำนวน 13 คน และหนึ่งในนั้น มีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานสถาบันทิศทางไทย รวมอยู่ด้วย