จากสถานการณ์ทั่วโลกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 โดยพบ ผู้ป่วยยืนยัน 12,605,016ราย กลับบ้านแล้ว 7,318,337 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 4,724,901 ราย เสียชีวิต 561,778 ราย
ขณะเดียวกันได้มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยว่าโรงพยาบาลในปานามา ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในสถานการณ์วิกฤตสุดในอเมริกากลาง ใกล้จะไปต่อไม่ไหวแล้วเนื่องจากแพทย์ที่เหนื่อยล้าไม่สามารถรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่ง ปานามา มีประชากร 4 ล้านคน พบผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว 42,000 คน เสียชีวิต 839 คน
ทั้งนี้หัวหน้าหอผู้ป่วยวิกฤติที่โรงพยาบาล แห่งหนึ่งในกรุงปานามาซิตี เผยว่า ผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวันละ 200 คนเป็น 1,100 คนภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ไม่มีโรงพยาบาลใดสามารถรับมือกับผู้ป่วยจำนวนขนาดนี้ได้
ด้านผู้ประสานงานสหภาพบุคลากรทางการแพทย์เผยว่า อาจไม่มีที่ว่างสำหรับวางเตียงผู้ป่วยในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ทางการกำลังเร่งดัดแปลงโรงพยาบาลที่มีอยู่ และหาสถานที่ใหม่ เช่น ศูนย์การประชุม มารองรับจำนวนผู้ป่วย ข้อมูลของทางการเผยว่า มีคนกักดูอาการที่บ้านหรือโรงแรมเกือบ 20,000 คน มีคนกำลังรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,000 คน ในจำนวนนี้ 159 คนอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤต
อย่างไรก็ตามหากคำนวณตามที่ทางการประเมินว่า ผู้ป่วยทุก 100 คนจะต้องเข้าโรงพยาบาล 20 คน แสดงว่าผู้ป่วยใหม่วันละ 1,100 คนจะต้องเข้าโรงพยาบาลวันละ 200 คน และต้องเข้าหอผู้ป่วยวิกฤติวันละ 50 คน โดยแพทย์และพยาบาลทั่วประเทศประท้วงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกร้องขออุปกรณ์ทางการแพทย์และชุดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เพราะต้องทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตในสงครามที่บั่นทอนกำลัง ประธานาธิบดีปานามารับปากจะเพิ่มการตรวจหาเชื้อให้ได้วันละ 4,000 คน เพื่อหาและแยกตัวผู้ติดเชื้อ
ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุข เผยว่า มีคนกลุ่มใหญ่ที่ยังคงออกนอกบ้านทั้งที่รู้ว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้การควบคุมการระบาดทำได้ยากขึ้น
ที่มา : ภาพmcot.net