จากที่วันนี้(11 ก.ค.63) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง การเป็นนายกฯของบิ๊กตู่ รวมทั้งการปรับครม.และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงที่น่าสนใจ
สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรีอาจกระทบการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ว่าการปรับครม.เพราะมาจากการเมือง ซึ่งเรื่องการปรับครม.เป็นอย่างนี้มานานแล้ว ในขณะนี้ประเทศไทย คนมีหนี้สินจำนวนมาก คนรวยก็มาก และเป็นประเทศเดียวที่มีเป็นร้อยพรรคการเมือง นักการเมืองก็ทะเลาะกันและกล่าวหาทหาร เป็นปัญหามีพรรคการเมืองมาก แต่ประเทศอื่นมีเพียงสองพรรค
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรต่อจากนี้ อดีตนายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลทุกรัฐบาล และวันนี้พูดแต่เรื่องการเมือง ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ห่วงเรื่องเลือกตั้ง ห่วงเรื่องรัฐธรรมนูญแก้อย่างไร ส่วนตัวไม่มีความจำเป็นต้องห่วงเรื่องแบบนั้น การปกครองทุกรูปแบบ ไม่ว่าเป็นแบบใด ก็ไม่มีใครพูดเรื่องแบบนี้เหมือนที่เรากำลังพูด สิ่งเดียวที่เขาพูดคือจะทำอะไรเพื่อประชาชนได้บ้าง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด
ถ้าจะถามว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไรตอบเลยว่าเหมือนเดิมเมื่อ 88ปีที่แล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกรัฐบาล มีนายกรัฐมนตรีที่ดีทุกคนมีความตั้งใจดี ไม่เช่นนั่นเขาคงไม่ให้เป็นนายกฯ
เพราะฉะนั้น นายกฯต้องรู้จักปรับตัวและรู้ว่าประชาชนต้องการอะไรทุกวันนี้ก็รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร แต่สำคัญจะเอาเงินมาจากไหน ทุกวันนี้มีหนี้สิน 8 ล้านล้านบาท จีดีพีติดลบ 8% ถึง10% จะเป็นปัญหาทั้งสิ้นการจะแก้ไขอย่างไรต้องช่วยกันคิด
เมื่อถามว่าภาระหนี้มากมายจะแก้ปัญหากันอย่างไร พล.อ.ชวลิต บอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการแพร่ระบาดโรคโควิด19 ซึ่งทุกคนก็ว่าอย่างนั่น ส่วนข้อเสนอแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะประเทศไทย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรใต้ดินตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง มีแร่ธาตุมากมายมี เหล็ก แมงกานิต ขุดไปทุกที่ตรงไหนก็เจอ ใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ขุดขึ้นมาก็ร่ำรวยแล้ว
ถามว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะไปรอดหรือไม่ในการแก้ไขเศรษฐกิจ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าขอให้ปรับตัวรู้ว่าจะหาเงินไหนมา เพื่อมาทำประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่งขณะนี้กองทุนต่างชาติหลายแห่ง ต้องถามตัวเองว่าทำไมกองทุนเหล่านี้ให้ ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา แต่ไม่ให้ไทย เพราะเหตุใด
“จำเป็นต้องให้ ไม่ให้แล้วจะให้ใคร และรัฐบาลชุดนี้อาจจะอยู่ 10 ปีก็ได้ หรือต้องไปนายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรดังทำนาย”พล.อ.ชวลิต กว่าถึงคำถามว่าตอนนี้ยังให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ และเมื่อถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเหมาะสมเป็นนายกฯได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า “ก็ดีนะ แต่ตัวเตี้ยไปนิด”
เมื่อถามว่า เรื่องการต่อรองของนักการเมืองที่เข้ามาตั้งก๊วนก๊ก เพื่อเข้ามาหาผลประโยชน์ พล.อ.ชวลิต ย้อนถามว่าต้องถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นและจะแก้กันอย่างไร เพราะประเทศไทยมีหลักสำคัญชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีเสาหลัก 5 เสา คือ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง การต่างประเทศ
ซึ่ง5เสาต้องปกป้องให้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่ได้แต่ถ้าเสาการเมือง ไม่รอด เสาอื่นก็อยู่ไม่ได้ เสาอื่นทำไม่ได้ ไม่มีทางทำสำเร็จ เพราะฉะนั้นตอนนี้การเมือง การปกครองทำไม่ถูกต้อง และมีปัญหาการเมือง มีพรรคจำนวนมาก นักการเมืองทะเลาเบาะแว้งกัน ต่างจากประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตย แม้ประเทศใหญ่มีแค่สองพรรค ที่สำคัญไม่พูดเรื่องตำแหน่งทางการเมือง ประเทศไทยเคยมีแล้ว สองพรรคใหญ่ ยกตัวอย่างมีครั้งปี 40-41
ทั้งนี้เมื่อย้อนถามว่าพล.อ.ประวิตร มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าอยู่ที่พล.อ.ประวิตร ส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำหน้าที่ไปได้ดี พล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือทำไมยังไม่เหนื่อย ก็ต้องทำงานเดินทางไปที่นั่นที่นี่ อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร เป็นรุ่นพี่ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความเกรงใจ แต่อย่าเอาความเกรงใจมาอยู่เหนือความเจริญของประเทศชาติ ส่วนร่วม ไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า จะปิดประตู พล.อ.ประวิตร นั่งนายกฯหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าไม่ตอบคำถามนี้ ไม่ใช่คำตอบที่แก้ปัญหา แต่จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้เกิดการปกครองเพื่อประชาชนโดยประชาชน หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตย เ
ใครก็เป็นได้ถ้ามีความรู้ความสามารถที่แท้จริง และเมื่อถามย้ำว่าสถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าพล.อ.ประยุทธ์ แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าไม่รู้ เราจะไปพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะคนดีก็มีอยู่แต่ยังไม่แสดงฝีมือ
ที่มา : ภาพTNEWS