จากกรณีวันนี้(24 มี.ค.63) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ อาการน้อย , ปานกลาง และ หนักมาก โดยกลุ่มคนที่เป็นอาการน้อย จะเป็นไข้ 1-2 วัน เมื่อเอ็กซเรย์ปอดแล้วเป็นปกติ จะให้ทุกรายแอดมิดนอนที่โรงพยาบาลได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลอย่างน้อย 5-7 วัน ซึ่งถ้าไม่มีอะไรแล้ว จะย้ายให้ไปพักที่โรงแรม ซึ่งจะสร้างเป็นโรงพยาบาลสนาม โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีแพทย์พยาบาลเฝ้าดูแลจนครบ 14 วัน โดยวันนี้จะเริ่มดำเนินการย้ายผู้ป่วยเป็นวันแรก
ส่วนกลุ่มที่มีอาการปานกลาง จะให้ยาต้านเอดส์ 2 ชนิด และจะได้รับการดูแลจนครบ 14 วัน ถ้าปอดดีขึ้นและผลลัพธ์ออกมาเป็นลบก็จะให้กลับบ้านได้
ส่วนกลุ่มที่ 3 รายที่มีอาการหนักมากๆจะต้องใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจและให้ยาฟาวิพิราเวียร์ของญี่ปุ่น ซึ่งก็จะให้อยู่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้น โดยจะรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ย้ายไปที่อื่น
ทั้งนี้กรณีประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีสูตรยาออกมารักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนหายได้นั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง เพราะว่าเป็นเพียงการศึกษา สหรัฐอเมริกาใช้ผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่มเล็กๆขนาดกลุ่ม 30 คน ทดลองยาเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยเป็นเพียงการศึกษาวิจัยเท่านั้น
อย่างไรก็ตามกรณีที่มีดราม่าผู้เสียชีวิตโควิด-19 ล่าสุด แล้ววัดไม่รับดำเนินการพิธีกรรมทางศาสนานั้น ขอย้ำกับประชาชนว่าเรื่องนี้เราจะต้องผ่านไปด้วยกัน ถ้าต่างคนต่างเดิน เมื่อมีผู้เสียชีวิตแล้วหากไม่ยอมให้เขาไปทำพิธีกรรมทางสงฆ์ที่วัดใกล้บ้านแล้วจะทำให้ไทยผ่านไปได้ยาก และขอยืนยันว่าผลแล็ปของผู้เสียชีวิตออกมาเป็นลบตั้งแต่ยังไม่เสียชีวิตแล้ว และต่อให้ผู้เสียชีวิตมีผลออกมาเป็นบวก เชื้อก็ไม่เก่งกว่าเราเพราะถ้าเราตายเชื้อก็จะตายตามไปด้วย
“หากท่านบอกให้คนอื่นทำ แต่ท่านไม่ทำสุดท้ายผลก็จะย้อนกลับมาหาตัวท่านติดเชื้อเอง ถ้าประชาชนยอมให้ผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมอยู่ที่วัดไหน ผมก็จะยอมไปเฝ้าข้างโลงศพ” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว