เศรษฐกิจทุนน้ำใจ !! ผอ.ทิศทางไทย จี้บริษัทอาหารลดราคา20% แสดงน้ำใจช่วยคนไทย #สังคมรอด คุณก็รอด

0

เศรษฐกิจทุนน้ำใจ

ดร.เวทิน​ ชาติกุล​ ผู้อำนวยการสถาบันทิศทางไทย

ออกตัวไว้ก่อนว่าผมเป็นคนที่ความรู้เรื่องเศรษฐกิจต่ำมาก​ นอกจากอุปสงค์​ อุปทานพื้น ๆ​ ซื้อมาขายไป​ กำไรขาดทุนแล้ว​ อย่างอื่นแทบไม่รู้เรื่อง วันก่อน​ เห็นข่าว​ ธนาคารแห่งประเทศแถลง​ ลดดอกเบี้ยนโยบาย​เหลือ​ 0.75% จะเอาเงินไปอุ้ม​ QE​ ภาคตราสารหนี้​ อ่านข่าว​ FED​ จะอัดฉีด​ QE​ ไม่อั้น​ บอกตรง ๆ ครับ​ กูไม่รู้เรื่อง และก็คงเหมือนชาวบ้านอีกเป็นล้านคนในประเทศนี้ที่ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ (นักการเงิน​ นักการคลัง​ นักลงทุน) ​กำลังทำอะไรกันอยู่…แต่รู้ว่า​ “…กูอาจกำลังไม่มีจะแดกในอีกเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า…”

ผมเลยไปถามนักเศรษฐศาสตร์อย่างอาจารย์สุวินัยให้ช่วยอธิบายให้ฟัง​ นี่คือคำตอบที่ได้รับ “…ไม่ต้องเข้าใจและไม่มีวันเข้าใจครับ…”

“…ถ้าเข้าใจว่า เงินตรา สังคม ประชาธิปไตย คือ สมมติล้วน ๆ … มันก็ครือ ๆ กัน​ มันเป็นชุดอธิบายสาเหตุของมหาวิกฤติที่จะเกิดขึ้นชุดหนึ่งเท่านั้น​ ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก เหมือนกับไวรัสยังไง…มันแค่อุบัติขึ้นมาในวันหนึ่งเท่านั้นเอง…”

ประเทศนี้คงไม่มีใครรู้ทันสันดานทุนนิยมเท่ากับอาจารย์สุวินัย​คนที่เคยทำนายเรื่องจะเกิดฟองสบู่แตกก่อนปี​ 40​ แล้วไม่มีใครเชื่อจนได้ฉิบหายกันทั่วหน้ามาทีหนึ่งแล้ว​ เราอยู่ในสังคมทุนนิยมที่ซับซ้อน​ และจะว่าไปแล้ว ทุนนิยมมันอยู่ได้ เพราะกลไกการเล่นแร่แปรธาตุทางการเงินแบบพิศดารจนชาวบ้าน​ แม่ค้า​ พ่อค้า​ เข้าใจไม่ได้​ ระบบแบบนี้มันเป็นดั่ง “ปราสาททราย”

พูดแบบชาวบ้านก็คือ​เป็น ภาพมายา​ที่สลับซับซ้อน

พูดแบบพระก็คือ​เป็น​ กลไกของโลภะกิเลส​ที่พิศดาร

 

ซึ่งพูดแบบนี้​ ท่านรัฐมนตรีอย่างคุณสมคิด​ คุณอุตตม หรือ อดีตรัฐมนตรีอย่างคุณกรณ์​ ​ก็อาจไม่เข้าใจอีก​ท่านก็จะบอกว่ามันไม่ใช่​ อย่าเถียงผม​ ผมรู้ ผมเรียนมา​ ประมาณนั้น ผมไม่ได้จะมาเถียงกะใครเรื่องทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อะไร​ แต่จะเล่าว่าเคยได้ยินระบบเศรษฐกิจนอกตำราฝรั่ง​ของสำนักสันติอโศก​ ที่เรียกว่า​

ระบบบุญนิยม

ระบบทุนนิยม​ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดย​ใช้กิเลส​ มีกำไรเป็นตัวตั้ง​

ระบบบุญนิยม​ คือ​ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยใช้การลดละกิเลส​ มีต้นทุนเป็นตัวตั้ง​ อาจมีกำไรบ้างแต่ไม่ถึงกับมีช่องว่างของต้นทุนกับกำไร​ จนกลายเป็นนิยามของคำว่า​ “รวย” ได้แบบระบบทุนนิยม

แปลว่า​ ระบบทุนนิยม​ ที่เราคุ้นชินก็แค่​ระบบอุปโลกน์แบบหนึ่งในหลาย ๆ แบบเท่านั้น​ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเดียว​ ตายตัว​ แก้ไขไม่ได้

ในยามเกิดวิกฤติที่ระบบทุนนิยมอาจจะไม่ใช่แค่ชะลอตัว(Slowdown) หรือ​ ถดถอย​(Recession)​ แต่อาจถึงขั้น​พังทลาย​(Meltdown) เพราะไวรัสทำให้กลไกธุรกิจ​พัง​ ต้องหยุดธุรกรรมกันทั้งโลก​

ผมไม่เข้าใจและบอกไม่ได้หรอก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากมายาภาพ​ ของเงิน​ ของทุน​ ของความมั่งคั่ง​ ของความร่ำรวย​ ของความจน​ ของความเหลื่อมล้ำ​ มันอาจจะชัดเสียจนชัด​ชนิดที่​ คาร์ล​ มาร์กซ์​ ที่เรียกร้องให้​ “ปฏิวัติชนชั้น” แทบตาย​ก็นึกไม่ถึงว่านายทุนที่กูเกลียดนักเกลียดหนาจะมีวันวิปโยค​ วิบัติฉิบหายเพราะเชื้อโรคชนิดหนึ่ง

 

แต่ในวิกฤตินี้ผมก็เห็น ชาวบ้าน​ พ่อค้า​ แม่ค้า​ คนธรรมดา​ เขาไม่มีอำนาจอะไร​ ไม่มียศฐา​ ไม่มีตำแหน่ง​ และยังได้รับผลกระทบ​ ชีวิตลำบากย่ำแย่ไม่แพ้กับพวกเราๆท่านๆทุกคน​ แต่…

เจ๊จงข้าวหมูทอด​ ทำข้าวกล่อง​ 600​ กล่องให้หมอ-พยาบาล​ #เราก็แย่​ ส่งกำลังใจให้กัน ,ข้าวมันไก่โอชิน​ ทานฟรี​ 1​ คน​ 1​ ห่อ​ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ,เจ้าของโรงงานเย็บเสื้อ​ ชลบุรี​โปโล เปลี่ยนโรงงานมาเย็บหน้ากากแจกฟรีให้​ หมอ-พยาบาล-อาสา​ #เพราะความเห็นแก่ตัว​ น่ากลัวกว่าเชื้อโรค  ,ร้านข้าวแกงแขนลาย​ ลดราคาเหลือจานละ​ 20​ บาท, เจ้าของร้าน แม่สอด​ แจกไข่ฟรี​ 5,000​ ฟอง ฯลฯ

รวมถึง หมอยง​ บอกว่า​ ในภาวะแบบนี้​ ผู้ที่มีอันจะกิน​หรือเจ้าของกิจการจะต้องลงมาช่วยผู้ว่างงานให้อยู่ได้อย่างพอประมาณ

 

ผมคิดเล่นๆ​ สมเด็จสังฆราช​ รับสั่งให้ตั้ง​ “โรงทาน” ช่วยเหลือคนที่ยากลำบาก​ 7-11, Lotus, BigC, KFC, Pizza, Grab, ธุรกิจอาหารและบริการส่ง​ ควรแสดงน้ำใจช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติ​ ลดราคา​ 20% จนกว่าจะพ้นภาวะฉุกเฉิน ท่านผู้บริหารทั้งหลาย​ อยู่ในวงจรธุรกิจ​ เห็นตัวเลข​ รู้ตัวเลข​ ก็คงจะประจักษ์แก่ใจท่านเองว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่างไรในอีก 2​ เดือน​ 6​ เดือน​ หรือ​ ปี​ 2ปี ในภาวะจะฉิบหายกันทั้งโลกแบบนี้​ ลด​ Margin​ ของคุณลงสักนิด​ เพิ่มน้ำใจของคุณลงไปสักหน่อย​ อย่าคิดว่า​ “ต้นทุน” มันมีแค่เรื่อง​​ ทรัพย์สิน​ เงินทอง​ ของแบบนี้​ มีได้​ เยอะแค่ไหน​ ก็หมดได้

 

แต่​ “น้ำใจ”  “การแบ่งปัน”  “ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”  ก็คือ ​”ต้นทุน” แบบหนึ่งเหมือนกัน​ มันนำไปสู่​ ความสมัครสมาน​ เกาะเกี่ยวสายใยสังคมอันดีงามของสังคม​ตะวันออกเรา ไม่ให้ล่มสลายไปแบบสังคมตะวันตกที่เน้น​ อัตตาตัวตน​ ปัจเจกชน​ และสุดท้ายคือเอาตัวรอด​ ตัวใครตัวมัน​

สังคมให้คุณ​ คุณให้คืนสังคม​ สังคมรอด​ คุณก็รอด WIN-WIN จะเรียกมันว่า​ “ระบบเศรษฐกิจทุนน้ำใจ”​ ก็ได้ ลดกำไร​ เพิ่มน้ำใจ​ แย่แค่ไหน​ก็ไม่ทิ้ง​กัน​ ไม่กอบโกยเอาเปรียบ​กันและกัน

 

เหมือนที่มหาตมะคานธีพูดไว้​ ทรัพยากรมีพอสำหรับคนทั้งโลก​ แต่ไม่พอสำหรับความโลภของคนคนเดียว เหมือนที่หมอยง​ พูดไว้อีกนั่นแหละ​ ประเทศไทยนี้อุดมสมบูรณ์​ ไม่ขาดแคลน​ ถ้ารู้จักแบ่งปันซึ่งกันและกัน และพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่​ 9 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2542

“…ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นชาวไทยมีความสุขถ้วนหน้ากัน ด้วยการให้ คือให้ความรัก ความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัย ไม่ถือโทษ โกรธเคืองกัน ให้การสงเคราะห์ อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ และจริงใจ…”