เชื่อได้หรือไม่ ทูตสหรัสฐรับปากหนุนไทยแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ขยับอันดับขึ้นเทียร์1 แต่ที่ผ่านมา รับบท”ตี2หน้า” พร้อมเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ตัวเอง
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยหลังการเข้าพบ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ถือเป็นเกียรติที่ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งไทยและสหรัฐฯ ต่างมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต่างให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และหวังว่าจะมีการพัฒนาความร่วมมือต่อไปให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ไทยและสหรัฐฯ ยังมีความร่วมมือทางด้านสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ก่อนที่จะมีสถานการณ์ของโรคโควิด-19 รวมถึงเรื่องการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งสหรัฐฯ จะสนับสนุนให้บริษัทของสหรัฐฯ และนักลงทุนของสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนประเภทเทคโนโลยีขั้นสูง
อีกทั้งพร้อมรับปาก สหรัฐฯ พร้อมให้การสนับสนุน.ช่วยเหลือประเทศไทยในการปรับอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ จากเทียร์ 2 เป็นเทียร์ 1
สำหรับ เอกอัครราชทูตไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี นั้นเข้ามาประจำการที่ประเทศไทยได้ไม่นาน โดยรับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 62 และได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ให้เป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย
ช่วงระยะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อวันที่3เม.ย.63 เอกอัครราชทูตไมเคิล เคยกล่าวชื่นชมไทยเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ระบุว่า.. “ผมบอกกับทุกคนได้เลยว่าผมมั่นใจอย่างยิ่งว่ากรุงเทพฯจะเป็นที่ที่ดีมากสำหรับครอบครัวของผมในช่วงวิกฤตนี้ อย่างที่ได้พูดไปแล้วว่า ที่นี่มีบริการด้านสาธารณสุขที่เป็นเลิศ”
ต่อมา 8 เม.ย. 63 เอกอัครราชทูตไมเคิล เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี โดยได้ชื่นชมมาตรการของรัฐบาลไทย ส่งผลให้มีแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นแนวราบ ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลผู้อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
เป็นที่รู้กันว่าสหรัฐอเมริกานั้น มีท่าทีที่มีต่อรัฐบาลไทยอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงหลังมา ถือว่ายืนอยู่ในฝ่ายตรงข้ามกันมาตลอด รับบท”ตี2หน้า” แม้ปากพูดว่าเป็นมิตรแต่จิตใจไม่ได้เป็นอย่างที่ปากพูด กระทั้งโดยเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 63 เอกอัครราชทูตไมเคิล ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วง การขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดย เอกอัครราชทูตไมเคิลก็ไม่พลาดที่จะเอยปากถามถึงความจำเป็นในการต่อพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักว่า สหรัฐฯมายุ่งอะไรกับกิจการในประเทศไทย ถือว่าเป็นการไร้มารยาทอย่างยิ่ง
คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีคนไทยตั้งคำถามกับสหรัฐฯการที่เอกอัครราชทูตไมเคิล รับปากให้การสนับสนุน.ช่วยเหลือไทยปรับอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ จากเทียร์ 2 เป็นเทียร์ 1 “เชื่อได้หรือไม่” ? เพราะเมื่อมีผลประโยชน์เกี่ยวกับพวกตัวเองทีไหร่ สหรัฐฯก็พร้อมจะเปลี่ยนท่าทีโดยทันที
ให้ได้ชัดจากการสหรัฐฯเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยเชิดชูและยืนเคียงข้างกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เอี่ยงไปข้าง “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ตอนที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ชัดเจนที่สุดสหรัฐอเมริกาเข้ามาขอใช้ฐานทัพอู่ตะเภา ซึ่ง“ยิ่งลักษณ์”อนุมัติ แต่ปรากฏว่ากองทัพไทย ทั้งสามเหล่าทัพไม่ยินยอมด้วย จึงทำให้สหรัฐอเมริกาไม่ประสบความสำเร็จ
ในครั้งนั้นสหรัฐฯตอบแทน “ยิ่งลักษณ์”ด้วยการอนุญาตให้ “ทักษิณ” เดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ จากก่อนหน้านั้นห้ามมาโดยตลอดและตั้งแต่นั้นมา สหรัฐอเมริกาก็ยืนเคียงข้างฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาลไทยโดยเฉพาะกองทัพมาโดยตลอด