(1) 12 มี.ค.63 อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำหลักฐานกักตุนหน้ากากอนามัยให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคล
(1.1) อัจฉริยะ กล่าวว่า ขบวนการค้าหน้ากากอนามัยโยงนักการเมืองหลายกลุ่ม มีหญิงสาวที่เป็นปรึกษารัฐมนตรีรับส่วนต่างจากบริษัท
(1.2) อัจฉริยะ ตั้งข้อสังเกต จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เคยยืนยันมีหน้ากากอนามัยในสต๊อกกว่า 200 ล้านชิ้น ผลิตได้กว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน
(1.3) เหตุใดมีการเปลี่ยนตัวเลขผลิตเหลือ 36 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งหน้ากากอนามัยที่หายไปสอดคล้องกับตัวเลขส่งออกที่กรมศุลกากรแถลงเมื่อ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
(2) 13 มี.ค. 63 เทพไท เสนพงศ์ เรียกร้องให้อัจฉริยะระบุชื่อ นามสกุล คนกักตุนหน้ากากอนามัยออกมา
(2.1) เทพไท ย้ำถึงเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ ที่ระบุถึงการทุจริตคอร์รัปชั่น เน้นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต
(2.2) “บุคคลที่ตนเองแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา,เลขานุการ และทีมงานรัฐมนตรีทุกคน รัฐมนตรีลงนามแต่งตั้ง จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
(3) 16 มี.ค. 63 มัลลิกา บุญมีตระกูล มอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดีอัจฉริยะ ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการส่งออกหน้ากากอนามัย
(4) 18 มี.ค.63 มัลลิกา แถลงดำเนินคดี 2 ข้อหาอัจฉริยะ โดยปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย
(5) ขณะที่เพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมที่เผยแพร่ข้อมูลของอัจฉริยะ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…
(5.1) ถามท่านรมต.พาณิชย์ เอกสารตามภาพด้านล่างท่านได้ยกเลิก อำนาจอธิบดีกรมการค้าภายในและท่านได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการอนุญาต
(5.2) ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งหน้ากากอนามัย แต่เวลาอนุมัติส่งออกกลับเป็นอธิบดีเป็นผู้อนุญาตโดยอธิบดี ไม่เคยเข้าร่วมประชุม ติดตามเอกสารว่าพิรุธยังไง
(6) 19 มี.ค.63 รายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยเทพไท ได้ทำหนังสือถึงจุรินทร์ ขอให้สมาชิกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลาออก
(7) สืบเนื่องจากอัจฉริยะ กล่าวหามีขบวนการทุจริตหน้ากากอนามัย ทำให้คนส่วนใหญ่ในสังคมเข้าใจว่า น่าจะหมายถึงมัลลิกา
(7.1) ซึ่งอดีตเมื่อเกิดเหตุลักษณะนี้ พรรคมีมาตรฐานในการปฎิบัติ จะต้องพิจารณาตัวเองลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบในทันที
(7.2) ในหนังสือได้ยกตัวอย่าง กรณีวิฑูรย์ นามบุตร และวิทยา แก้วภราดัย ที่ได้แสดงสปิริตทางการเมือง ลาออกจากตำแหน่งทันที
(7.3) สำหรับกรณีมัลลิกา เมื่อถูกข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหน้ากากอนามัย ของกระทรวงพาณิชย์ ขัดต่อข้อบังคับพรรคข้อ115
(7.4) จึงขอให้คณะกรรมการบริหารพรรค ได้พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตามข้อบังคับพรรค ข้อ121
(7.5) และมีมติให้มัลลิกา ลาออกจากตำแหน่งไว้ก่อน ถ้าสอบสวนได้ข้อยุติว่าไม่ผิด ก็แต่งตั้งเข้าไปรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีได้อีกครั้ง
(8) ย้อนไปเมื่อ 29 ธ.ค.52 วิทยา แก้วภราดัย ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงกรณีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง
(8.1) โดยระบุว่า ตนปฏิบัติหน้าที่ความบกพร่อง ขอชี้แจงยังไม่มีการทุจริต แต่เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ก็ขอลาออก
(9) นั่นคือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น แต่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่มีการออกมาเรียกร้องให้มีการลาออกนั้น แน่นอนอย่างหนึ่งว่าเป็นเรื่องภายในของพรรค
(10) กระนั้นจึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการลดเครดิตจุรินทร์หรือไม่ แม้แรงกดดันจะพุ่งไปที่มัลลิกาให้ลาออก ซึ่งต้องดูต่อไปว่าเรื่องจะโยงไปที่รัฐมนตรีหรือไม่???
(11) และเรื่องนี้จะดูเหมือนว่า เป้าคือมัลลิกา แต่ต้องยอมรับว่า แรงสะเทือนย่อมเหวี่ยงไปถึงจุรินทร์ด้วย โดยจะแรงขนาดไหนต้องจับตา-ไม่นานรู้แน่!?!
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง