จีนเตือนภัยระดับ 3 หลังพบผู้ป่วยกาฬโรค เร่งสืบหาต้นตอของเชื้อ ซ้ำประกาศห้ามล่าสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค

0

จากกรณีที่ทางการจีนประกาศเตือนภัยด้านสาธารณสุขระดับ 3 (เกือบขั้นสูงสุด) หลังพบเคสผู้ป่วยกาฬโรค 1 คน และเข้าข่ายต้องสงสัยอีก 1 คน ในประเทศ เพิ่มความกังวลให้แก่ทางการเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งพบเคสผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่


โดยผู้ป่วยชายรายแรกประกอบอาชีพเป็นคนเลี้ยงสัตว์ในทุ่ง โดยในวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 เขาเดินทางไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตบริหารกองธงกลางอูราด เมืองปาหยานนูร์ เขตปกครองตนเองมองโกเลีย ทางตอนเหนือสุดของจีน หลังมีอาการไม่สบาย แพทย์ได้ตรวจร่างกายและสันนิษฐานว่าเขาป่วยเป็นโรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง หรือ Bubonic Plague ก่อนส่งไปรักษาตัวที่ศูนย์กักกันโรค ภายใต้การเฝ้าระวังของแพทย์ ขณะนี้อาการทรงตัวดี ทั้งนี้ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาติดเชื้อมาได้อย่างไร และเพราะเหตุใด โดยทางการกำลังเร่งสืบสวนแล้ว


ส่วนผู้ป่วยอีกรายที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี ซึ่งได้สัมผัสตัวมาร์มอต (Marmot) กระรอกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ซึ่งสุนัขของเขาล่ามาได้ ขณะนี้ทางการจีนได้ประกาศห้ามล่าสัตว์และกินเนื้อสัตว์ที่อาจเป็นพาหะนำโรค รวมทั้งขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ ให้รีบรายงานตัวและแจ้งทางการทันที

สำหรับโรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง หรือ Bubonic Plague เคยเป็นหนึ่งในโรคระบาดอันตรายร้ายแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 50 ล้านคน ทั่วทั้งยุโรป แอฟริกา และเอเชีย ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14

ต่อมาได้มีการแพร่ระบาดอีกหลายครั้ง รวมทั้งการระบาดครั้งใหญ่ที่อังกฤษ ในปี ค.ศ. 1665 (พ.ศ. 2208) ซึ่งกวาดล้างจำนวนประชากรชาวลอนดอนไปถึง 1 ใน 5 นอกจากนี้ยังเคยระบาดที่จีนและอินเดียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12 ล้านคน ความน่ากลัวของโรคนี้ทำให้โลกขนานนามชื่อมันว่า “Black Death”

ส่วนทางด้านอาการของกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง คือ เป็นไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณขาหนีบและรักแร้ ในสมัยก่อนโรคนี้คือโรคอันตรายมาก แต่ในปัจจุบันสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยง่ายด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก BBC