เปิด3เรื่องช่อสุดตะลึงอ้างมีหลักฐานตลอด!ปูดซื้องูเห่า มั่ว1MDB ถึงเงินบริจาค?

0

จากที่เป็นกระแสเป็นที่พูดถึงกันมากขณะนี้เมื่อ ช่อ พรรณิการ์ ออกมาขู่บุญเกื้อเรื่องเงินบริจาคโควิด แต่ผ่านมา120ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีการฟ้องกัน ทำให้นึกอยากย้อนไปถึงพฤติกรรมของคนชื่อช่อก่อนนี้ว่าเคยพูดอะไรเอาไว้แต่ไม่ทำบ้าง???

พฤติกรรมช่ออ้างมีหลักฐานตลอด แต่ 1 ปีผ่านมาเงียบ…

4 มิ.ย.62 ช่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้นแถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคได้ถูกบางพรรคการเมือง ยื่นข้อเสนอด้วยเม็ดเงินระดับ 8-9 หลัก เพื่อแลกกับเสียง ส.ส. ในพรรค หรือ “การซื้องูเห่า” โดย ส.ส. 4 ท่านที่ได้รับการติดต่อให้เป็น งูเห่า ประกอบด้วย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพฯ (เขต 22) นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส. ปทุมธานี (เขต 3)นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส. ขอนแก่น (เขต 1) นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส. สมุทรสาคร (เขต 1)

ทั้งนี้ น.ส.พรรณิการ์ ยังบอกอีกว่า มีเม็ดเงินที่จ้างวานกว่า 5-120 ล้านบาท ขอให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อที่ตั้งใจทำข่าวสอบสวนเชิงลึก ตั้งคำถามต่อด้วย ว่ากลุ่มที่ซื้องูเห่านำเงินเหล่านี้มาจากไหน ผู้ติดต่อมีทุนระดับยักษ์ของประเทศหนุนหลังหรือไม่

“ยืนยันอีกครั้ง พรรคอนาคตใหม่ ในวันนี้เราอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ ไม่มีงูเห่าในอนาคตใหม่ หยุดภารกิจซื้องูเห่า หยุดรบกวน ส.ส.ของเรา เรามีงานต้องทำอีกมาก ท่านติดต่อมาก็ไม่เป็นผล เรามีหลักฐาน แต่เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่บันทึกหรือเก็บข้อมูลไว้ให้เรา” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

พฤติกรรมช่ออ้างมีหลักฐานตลอด แต่ 4 เดือนผ่านมาเงียบ…

23 ก.พ.63 ที่ศูนย์อนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี จัดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา โดยน.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ กล่าวช่วงหนึ่งว่า  วันนี้ตนจะมาเปิดเผยเรื่องที่หลายคนไม่รู้มาก่อนว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปกปิดไว้

รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกระทำการปกปิดขอเท็จจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่สุดในโลกและถือเป็นการปล้นภาษีของชาวมาเลเซียครั้งใหญ่ที่สุด ซึ่งคดีอื้อฉาว1MDB นี้เป็นกองทุนที่นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก่อตั้งขึ้น ซึ่งต่อมาพบว่ามี 1.4 แสนล้านบาทถูกสูบไปจากกองทุนดังกล่าวและพบว่ามีการสอบสวนพบหลักฐานการฟอกเงินและการยัดยอกเงินจากกองทุนดังกล่าวไปเข้ากระเป๋าผู้มีอิทธิพลไม่กี่คน และการยักยอกเงินจากกองทุนดังกล่าวเกี่ยวพันหลายประเทศ

“ในส่วนของประเทศไทย เราพบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำดังนี้ 1.อาจปกปิดข้อเท็จจริงกรณีอาชญากรรมการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากการรับรู้ของประชาชนคนมาเลเซีย คนไทยและประชาคมโลก 2.อาจบิดผันกระบวนการยุติธรรมเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุกและปล่อยให้อาชญากรรมข้ามชาติลอยนวล 3.อาจให้ที่พักพิง หลบซ่อนตัวแก่ผู้ต้องหาที่มีหมายจับแดงจากอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากลที่เป็นที่ต้องการตัวในหลายประเทศ และ4.อาจเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีกับชาติพันธมิตรของไทย” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

นอกจากนี้ ช่อ ยังกล่าวว่าตนยืนยันหลักฐานทั้งหมดได้รับการรับรองจากศาลสวิตเซอร์แลนด์แล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามแม้นายนาจิบ จะไปแล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ ครั้งนี้จึงเป็นการเริ่มต้นเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตอบข้อสงสัยของสังคมและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เพราะถ้าเป็นรัฐบาลของอนาคตใหม่ก็จะทำเช่นนี้ได้ แต่เมื่อพรรคถูกยุบก็ขอฝากความหวังที่ประชาชนในการเรียกร้องหาความจริงให้เรื่องนี้มีคำตอบต่อไป

พฤติกรรมช่ออ้างมีหลักฐานตลอด แต่ 120 ชั่วโมงผ่านมาเงียบ…

29 มิ.ย. 63 เฟซบุ๊ก บุญเกื้อ ปุสสเทโว ของ ว่าที่ร้อยตรี บุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข่าวการเมืองทั่วไป ของ Thailand Vision

โดยระบุว่า “กลายเป็นประเด็นเดือดในโลกโซเชียล ที่หลายคนปูเสื่อรอติดตามศึกครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ระหว่าง ช่อ พรรณิการ์ วานิช หนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า และ นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ก่อนหน้านี้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเปิดประเด็นเกี่ยวกับ กรณีที่คณะก้าวหน้าเปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากโควิด-19 ในโครงการ เมย์เดย์เมย์เดย์

ด้านนายบุญเกื้อ ระบุว่า ตอนนั้นได้ข่าวว่า ทางคณะก้าวหน้าได้ยอดเงินบริจาครวมกว่า 7.2 ล้านบาท โดยแจ้งกับสื่อมวลชนว่า จะบริจาคให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 2,427 คน คนละ 3,000 บาท  ได้ไปตามหาในทะเบียนราษฎรแล้วพบว่า แต่ละรายชื่อไม่มีตัวตนอยู่จริง บางคนแต่งชื่อเอาบ้าง บางคนมีรายชื่อเดียวกันซ้ำกันเป็นชุดๆ

ต่อมา นส.พรรณิการ์ ออกมาทวีตข้อความตอบกลับกรณีนี้ ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยระบุว่า “อย่ามั่ว คณะก้าวหน้าเราโปร่งใสตรวจสอบได้ รายชื่อที่ลงไว้ก็เป็นชื่อบัญชีผู้รับโอนจริง หากคุณมีหลักฐานว่า ตรวจสอบรายชื่อทะเบียนราษฎรแล้วไม่พบ หรือซ้ำซ้อนกัน หรือมีหลักฐานว่า เราอมเงิน ก็เอามาแสดงด้วย และถ้าหากไม่ขอโทษ – ลบโพสต์นี้ภายใน 24 ชั่วโมง เจอกันที่ศาลค่ะ”