(1) 9 มี.ค.63 เกิดกระแสร้อนฉ่าจากรายงานพรรคประชาธิปัตย์ หลังมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีในรัฐบาลเกี่ยวโยงกักตุนหน้ากากอนามัย
(2) รายงานระบุ 12.58 น. เจริญ คันธวงษ์ โพสต์ข้อความแสดงความเห็นในกลุ่มไลน์ “อดีต ส.ส.ปชป. ปี62 ซึ่งมีสมาชิกรวม 169 คนทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และอดีตส.ส.ของพรรค โดยระบุบางส่วนว่า…
(2.1) “ปชป.ต้องเตือนอย่างแรงว่า หากรมต.เช่นนี้ยังอยู่ใน ครม. ปชป.ขอลาออกเพราะรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว”
(3) นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เมื่อนับถือโจรเป็นกัลยาณมิตร หากโจรจะขโมยหน้ากากอนามัยไปขาย ก็ธรรมดา ไม่เห็นแปลก สันดานโจรไง!!!”
(4) จากนั้น ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ โพสต์ว่า “ครั้งนี้ควรพิจารณาการร่วมรัฐบาล”
(5) เทพไท เสนพงศ์ โพสต์ “ความเห็นของ อ.เจริญ ต้องถามเพื่อน ส.ส.ทุกคนว่า เป็นพฤติกรรมที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง ขอทบทวนความจำ 1. รับนโยบายประกันรายได้ 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3. มีการทุจริตคอร์รัปชัน”
(6) ตามมาด้วย อันวา สาและ ที่ระบุ “เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำถามของพี่เทพไทว่าเข้า 3 เงื่อนไขหรือไม่? ด้วยเหตุนี้ที่ผมและเพื่อนสมาชิกเข้าชื่อขอเปิดประชุมใหญ่ แต่หากที่ประชุมเห็นว่าไม่เป็นไรต้องการร่วมรัฐบาลต่อ ที่ประชุมก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมมีเจตนาเช่นนี้ ที่ประชุมเอาไง ผมเอาด้วย”
(7) สุดท้ายที่ พนิช วิกิตเศรษฐ์ โพสต์ “ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่เราคงจะต้องตัดสินใจไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้วครับ!”
(8) นั่นเองที่บอกว่ากลายเป็นกระแสร้อนฉ่าไม่เพียงภายในประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแต่สะเทือนไปถึงผู้นำรัฐบาล และบรรดารัฐมนตรีของพรรคที่เข้าไปนั่งทำงานอยู่ในทำเนียบ!?!
(9) นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า…
(10) ประชาธิปัตย์ ทำตามมติพรรคที่ตัดสินใจร่วมรัฐบาล จะบอกว่าพายเรือให้โจรนั่ง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะบอกว่าผู้ที่มีเสียงข้างมากให้มาร่วมรัฐบาลเป็นการพายเรือให้โจรนั่ง อย่าคิดแบบนี้ ประดิษฐ์ถ้อยคำแล้วทำให้เสียหาย ด้วยการตำหนิคนอื่น
(10.1) “อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นข้อตัดสินว่าเป็นมติพรรค จะต้องตักเตือนกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรค การพายเรือให้โจรนั่ง ต้องถามให้ชัดว่าใครคือโจร ใครที่ทำตัวไม่เหมาะสม”
(11) 10 มี.ค.63 จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่าเป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช่มติของพรรค ต้องรอประชมใหญ่วิสามัญพรรค ตนยืนยันยังพร้อมทำงานร่วมรัฐบาลต่อไป
(12) วันเดียวกัน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ช่วงตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลเป็นมติร่วมกันของพรรคที่ต้องโหวตกันได้ 61:16
(13) และที่น่าสนใจอีกเสียงก็คือ ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กรณีอันวาร์ สาและ ส.ส.จังหวัดปัตตานีนั้น เมื่อมีการยื่นหนังสือถึง กก.บห. ก็จะต้องมีการนำเรื่องนี้เข้ามาพูดคุยกันในคณะกรรมการบริหารพรรค
(13.1) “ประชาธิปัตย์ไม่เคยลืมเงื่อนไข 3 ข้อในการเข้าร่วมรัฐบาล เรื่องการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ขณะนี้พรรคฯยังไม่มีมติเป็นเพียงความเห็นส่วนตนของคนในพรรคเท่านั้น”
(14) 10 มี.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามเมื่อประชาธิปัตย์จะถอนตัวร่วมรัฐบาล เลิกพายเรือให้โจรนั่งว่า “ก็ถอนไป”
(15) นั่นคือท่าทีของนายกฯที่คนประชาธิปัตย์ฟังแล้วสะดุ้งแน่นอนและเป็นเรื่องที่พรรคต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป???
(16) คำพูดพายเรือให้โจรนั่ง??? คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ต้องชัดเจน นั่นคือ โจรที่ว่า หมายถึงใคร!?! ธรรมนัสหรือนายกฯ!!! เพราะนี่คือคำกล่าวหาที่รุนแรง โดยเฉพาะหากความหมายนั้นคือคนชื่อ บิ๊กตู่???
(17) ฉะนั้นจึงอาจมี3ทางเลือกที่ต้องพิจารณำกรณีพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่ง.คือ ปรับประชาธิปัตย์ออกไปจากพรรคร่วมฯแล้วดึงเพื่อไทยเข้ามา ซึ่งทางเลือกนี้มีแกนนำรัฐบาลที่มีสายสัมพันธ์เก่าเพราะเคยอยู่-หนุนแน่นอน!?!
(18) ทั้งนี้เพื่อให้จำนวนเสียงในสภาของรัฐบาลเพียงพอ เป็นเสียงข้างมากหากต้องปรับประชาธิปัตย์ออกไป!!!
(19) สอง.คือ ประชาธิปัตย์ยังอยู่ร่วมรัฐบาล เพราะน้ำเสียงขณะนี้หลายคนในพรรคก็อยากอยู่ร่วมต่อไป แต่นั่นต้องจัดการบางอย่างกับเสียงข้างน้อยที่มักออกมาสร้างปัญหา อาจไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่พรรคต้องพิจารณา
(20) สาม. นั่นคือ นายกฯอาจต้องยุบสภาฯ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ จะต้องแก้ไข-ปัญหาวิกฤติขณะนี้ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน เช่น โรคระบาดโควิด-19 โดยทางเลือกนี้ก็ยังเห็นว่า เป็นเรื่องที่ยากอยู่???
(21) ฉะนั้นนับจากนี้จึงต้องจับตาว่าประชาธิปัตย์จะตัดสินใจอย่างไร โดยเฉพาะนายกฯจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่แน่ๆ ไม่ใช่โจร และฝีพายที่เลือกมาต้องไม่แว้งกัดอีก!?!
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง