จากกรณีที่เมื่อทางด้านสำนักข่าว BBC ได้มีรายงานว่า นักไวรัสวิทยาของประเทศจีน ได้ค้นพบไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีกชนิดหนึ่งที่พบในหมู (ไข้หวัดหมู) และจะมีโอกาสระบาดหนักไปทั่วโลกนั้น
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า ไข้หวัดใหญ่หมู สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นข่าว G4EAH1N1 เป็นข่าวที่ตื่นตระหนกในความจริงที่ยังไม่เกิด ขออธิบายให้เข้าใจเป็นสเต็ปอาจจะเข้าใจยากเสียหน่อย หมูเป็นสัตว์ที่พบไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว และมักจะไม่มีอาการ
หมูจะเป็นตัวกลางที่ผสมให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และเข้าสู่มนุษย์ได้ เมื่อเข้าสู่มนุษย์ถ้าเป็นสายพันธุ์ใหม่ ทุกคนยังไม่เคยเป็นไม่มีภูมิต้านทานก็จะระบาดใหญ่ทั่วโลกได้ ไข้หวัดใหญ่ G4EAH1N1 เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่พบในหมูประเทศจีน ชิ้นส่วนพันธุกรรมของไข้หวัดใหญ่จะมีทั้งหมด 8 ชิ้น จึงมีการแลกเปลี่ยนกันได้
G4 คือ genotype ที่ 4 EA คือ Eurasian avian และ H1N1 จึงเรียกเป็น G4EAH1N1 เป็นการผสมผสานของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในหมูในนกและในคน เข้าเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ คล้ายกับครั้งหนึ่งที่เคยมีจุดเริ่มต้นที่เม็กซิโก แล้วระบาดใหญ่ทั่วโลกเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่เกิด เป็นเพียงการศึกษาไข้หวัดใหญ่ในหมู ในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2018
ไข้หวัดใหญ่ในหมูมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากเดิมในอดีตไข้หวัดใหญ่ในหมู จะเป็นสายพันธุ์เดิม classical swine ต่อมามีการผสมผสาน เอาชิ้นส่วนของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Euratian avian-like ซึ่งพบได้ตั้งแต่ก่อน 2010 เป็นสายพันธุ์ G1
หลังเกิดการระบาดด้วยไข้หวัดใหญ่ ทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009 ชิ้นส่วนพันธุกรรมของ H1N1 2009 จึงเข้าไปผสมเป็นไส้ในของไข้หวัดหมู จึงเรียกสายพันธุ์นี้ว่า G2 ส่วน G4 มีการสอดแทรกสายพันธุ์อีก 1 ชิ้น triple-reassortant และพบมากขึ้นในช่วงระยะหลัง สายพันธุ์นี้จึงแตกต่างจาก G1 และ G2 ส่วน G 3, 5 และ 6 จะไม่ขอกล่าวในที่นี้
ทางการจีนทำการศึกษา พบว่า สายพันธุ์ลูกผสม G4 + EA (Eurasian avian-like) + Triple reassortant คือการผสมชิ้นส่วน 3 สายพันธุ์ G4EAH1N1 ภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่พบนี้ได้ การทดลองในสัตว์ พบการติดต่อได้ง่ายผ่านละอองฝอย และการสัมผัสโดยตรง สัตว์ทดลองมีอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น และศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยง ไวรัสตัวนี้เข้าติดเชื้อได้ง่ายในเซลล์เยื่อบุ
โดยสรุปก็คือว่า G4EAH1N1 สายพันธุ์นี้พบในหมูที่ประเทศจีน ในระยะหลังจนถึงปี 2018 และจากการทดลองภูมิต้านทานที่ฉีดวัคซีนประจำฤดูกาลในคน ไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้ได้ และไวรัสสายพันธุ์นี้ยังก่อโรคในสัตว์ทดลอง มีอาการมากกว่าสายพันธุ์อื่น และสามารถติดต่อได้ทั้งสัมผัสโดยตรงและทางฝอยละออง เหตุการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในหมู ยังไม่เคยพบติดในคน และยังไม่มีการแพร่ระบาดในคนแต่อย่างใด เป็นการทดลองและมีสมมติฐานด้วยเหตุผลดังกล่าวในสัตว์ทดลอง ถึงจะพบในคน การพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำได้ง่าย เป็นเพียงเปลี่ยนสายพันธุ์ให้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาด
ข่าวที่เกิดขึ้น เป็นเพียงทางการจีนเสนอผลงานทางวิชาการ ในวารสารที่มีชื่อเสียง PNAS และเป็นงานวิจัยที่ทำมายาวนาน และศึกษาแบบลึกซึ้ง เราอยากเห็นงานวิจัยแบบนี้ในบ้านเรา แต่ต้องเป็นการลงทุนที่เป็นจำนวนมาก และหวังว่า คงจะไม่ถูกถามว่า ทำวิจัยแบบนี้แล้วเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นไหม เพราะเป็นงานวิจัยพื้นฐาน ผมเคยถูกถามมาแล้วว่าทำแล้วขายได้หรือเปล่า
ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า “มีหลังไมค์มาถามเรื่องข่าวไวรัสตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับการรายงานว่าอาจทำให้เกิดการระบาดทั่วโลกได้ในอนาคต Sun H และคณะ ได้ตีพิมพ์งานวิจัยนี้ในวารสารทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ PNAS เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2020 นี้เอง
ค้นพบไวรัสตัวนี้ ตั้งชื่อว่า G4 virus ในหมู ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่ากลัวคือ ทดสอบในสัตว์คือตัว Ferret แล้วพบว่าทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ มีอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์ไวรัสเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้ ไอ คัดจมูก และมีการทำลายเซลล์ปอดด้วย เขาทำการทดสอบในหลอดทดลองพบว่า สามารถติดเชื้อในเซลล์เยื่อบุหลอดลมของมนุษย์ได้ด้วย
พอทำการเจาะเลือดคนงานในฟาร์มหมู 15 แห่ง จำนวน 338 คน พบว่าคนงานมีระดับภูมิต้านทานในน้ำเลือดต่อไวรัสชนิดนี้ราว 10.4% โดยในคนงานที่มีอายุ 18-35 ปี มีถึง 20.5% ที่พบระดับภูมิต้านทานในน้ำเลือด ซึ่งแปลว่าน่าจะเคยติดเชื้อไวรัสนี้มาจากหมู นอกจากนี้ยังพบว่า ภูมิต้านทานจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่คนใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นน่าจะไม่สามารถช่วยต่อต้านไวรัสชนิดนี้ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานใดที่บ่งบอกว่าจะมีการติดเชื้อจากคนสู่คน
จากข้อมูลข้างต้น คณะวิจัยจึงเตือนให้ทั่วโลกให้เฝ้าระวังไวรัสชนิดนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติที่อาจทำให้เกิดการระบาดวงกว้างได้ในอนาคต ดังนั้นเราจึงรักษาความสะอาดส่วนบุคคลเป็นประจำ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ต้องระวังไว้เสมอ ยุคนี้หรือยุคหน้า เราจะเจอเชื้อโรคใหม่ๆ ที่มีความรุนแรง เพราะเชื้อโรคต่างๆ ก็มีวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด ถ้าเราอยากอยู่รอดปลอดภัย ต้องตั้งการ์ด มีสติในการใช้ชีวิต รับฟังและขวนขวายหาความรู้ให้เกิดปัญญา
อย่าลืม…มาสู้โควิด-19 กันก่อนนะ ใส่หน้ากากเสมอ…ล้างมือบ่อย ๆ…อยู่ห่างจากคนอื่น ๆ 1 เมตร…พูดน้อยลง…พบปะคนน้อยลงสั้นลง..เลี่ยงที่อโคจร…หมั่นสังเกตอาการตนเองและครอบครัว…ประเทศไทยต้องทำได้ครับ…ด้วยรักต่อทุกคน…ที่มา : Yong Poovorawan และ Thira Woratanarat