จากที่วันนี้(30มิ.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าได้มีการพูดคุยเพื่อให้กำลังใจกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลแล้วหรือไม่นั้น
ทั้งนี้โดยเฉพาะนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง หลังแกนนำหลายคนถูกตัดออกจากตำแหน่งสำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า “จะต้องไปพูดคุยเรื่องอะไร และผมก็ยังเห็นว่าทุกคนท่านก็ยังทำงานกับผมดีมาโดยตลอด วันนี้ผมก็สั่งงานในห้องประชุม ทำไมจะต้องคุยหรือให้กำลังใจเพราะเรื่องนั้นเป็นเรื่องของพรรค เรื่องของพรรคก็ต้องเป็นเรื่องของพรรค”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่วันนี้มีข่าวว่าข้าราชการแต่ละกระทรวงเริ่มเกี่ยวว่างในการทำงานเพราะรอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใครจะว่างล่ะ ใครเกียร์ว่างก็ต้องลงโทษ ใครทำตัวว่างก็ต้องลงโทษไปต้องทำงานจนถึงวันสุดท้ายใครจะเป็นรัฐมนตรี หรือมีตำแหน่งอะไรต่างๆข้าราชการก็ต้องทำงานเพราะถือว่าเป็นข้าราชการของรัฐ ไม่เกี่ยวกัน”
เมื่อถามย้ำว่าจะดีหรือไม่ถ้าจะมีการเปลี่ยนม้ากลางศึก ในขณะที่บ้านเมืองยังคงมีปัญหาอยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ ก็ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรซักอย่างเลย สื่อเองก็พยายามถามนำอยู่นั่นแหละ ไม่ตอบ พอแล้วๆ ถามเป็นอยู่อย่างเดียว”
ทั้งนี้เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.)โดยเฉพาะให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างเบื่อหน่าย ว่า”เรื่องในพรรคไม่เกี่ยวกับรัฐบาล”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าวันนี้เบื่อการเมืองมากหรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวสั้นสั้นว่า”ไม่เบื่อ สนุก”
อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลขยายเวลาการประกาศใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) เพื่อคุมสถานการณ์โควิด-19 ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอยู่แล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นประชาชนเลย ประชาชนจะชุมนุมก็ไปขออนุญาตชุมนุมตาม พ.ร.บ. การชุมนุม ในส่วนตรงนี้ ไม่ต้องการให้คนไปรวมกลุ่มกันจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งก็แล้วแต่พวกท่าน จะกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่รู้ ตนไม่ได้ไปขู่อะไรอยู่แล้ว ขอให้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของการใช้กฎหมายด้วย ตนพร้อมรับฟังทุกเรื่อง
นอกจากนี้เมื่อถามว่า มองว่าการต่อ พรก.ฉุกเฉิน จะเป็นการแช่แข็งเศรษฐกิจประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เอาอะไรมาพูดว่าเป็นการแช่แข็ง พูดอย่างนั้นคงไม่ถูกต้องมากนัก เพราะวันนี้ มีสถานการณ์โควิด-19 เป็นหลักอยู่แล้วเสริมเพิ่มเติมจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งตนได้ดูในต่างประเทศ ว่ามีมาตรการอะไรรองรับบ้าง กับสถานการณ์โควิด ที่เกิดขึ้นทั้งการปรับลดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยธนาคารกลาง เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน
“ตนก็ทำแบบที่เขาทำ ไม่ได้ผิดแบบไปจากเขาเลย มีแต่รายละเอียดยิบย่อยที่เราต้องทำเพิ่มเติม หลักการสำคัญ เราทำเหมือนกันคนอื่นเขาหมด ทั้งนี้ ต้องดูพื้นฐานของเราว่าเข้มแข็งพอหรือยัง ซึ่งต้องมาจาก รวมไทยสร้างชาติ ทุกคนต้องร่วมมือกัน ช่วยกันแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์”