(1) 28 ก.พ. 63 วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โต้เดือดปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาฯพรรคอนาคตใหม่ ที่แฉเบื้องหลังการเจรจาจัดผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี แต่เพื่อไทยทำผิดข้อตกลงเหมือนเป็นการช่วยฝ่ายรัฐบาล
(2) การตอบโต้ของวัฒนา ไม่เพียงสร้างความบาดหมางระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่เพียงเรื่องขโมยอภิปรายเท่านั้น หากยังมีประเด็นที่ฝ่ายอนาคตใหม่ฟังแล้วลมออกหู
(3) ไม่ว่าการเตือนสติปิยบุตรว่าพรรคเพื่อไทยนั้นต่อสู้เผด็จการมาก่อนพรรคอนาคตใหม่จะเกิดขึ้นเสียอีก รวมทั้งเรื่องลับๆที่ว่า…
(3.1) “การกล่าวหาลอยๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย วิธีการแบบนี้ไม่คุ้นเพราะไม่เคยระแวงหรือกล่าวหาเพื่อนโดยไม่มีหลักฐานแม้จะมีข่าวว่าเพื่อนแอบไปคุยกับทหารมาก็ตาม”
(4) อนาคตใหม่พูดอะไรถึงทำให้วัฒนา ถึงออกมาแฉกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ก็ต้องย้อนไปฟังบางช่วงที่ปิยบุตรโพสต์ไว้ว่า…
(4.1) การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะ ไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจ หรือ Final Say อยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้ว เปลี่ยน ตกลงแล้ว เปลี่ยน คนหนึ่ง พูดอย่าง อีกคน พูดอย่าง
(4.2) “พวกเขา” เผาเวลาของเราไปเรื่อยๆ จากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก 3 คน กลายเป็นได้อีกแค่ 1 คนเท่านั้น ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่เรากลับถูก “โกง” เวลา
(4.3) หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้ หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการ เพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู
(5) นั่นเองคือคำพูดที่ทำให้หลายคนในเพื่อไทยไม่พอใจ โดยเฉพาะวัฒนา เพราะนอกจากตอบโต้ไปแล้ว ปรากฏว่า 3 มี.ค.63ยังโพสต์ระบุถึงการเสนอผลประโยชน์ให้กับ ส.ส. ของพรรคการเมืองหนึ่งที่อ้างว่ามีคลิปการซื้อตัวส.ส.
(5.1) สนับสนุนให้แจ้งความดำเนินคดีและส่งมอบพยานหลักฐานให้ กกต. การเสนอผลประโยชน์ให้กับ ส.ส. เพื่อให้ไปสังกัดพรรคการเมืองกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดทั้งผู้เสนอให้และผู้รับ
(5.2) หาก ส.ส. ผู้ถูกเสนอผลประโยชน์ไม่ไปแจ้งความดำเนินคดี หรือช่วยลบหรือตัดต่อคลิปอาจกลายเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หากข้อความที่เปิดเผยเป็นความจริงถือเป็นประโยชน์สาธารณะไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา จึงไม่ต้องกลัวครับถ้าเป็นความจริง”
(6) สิ่งที่วัฒนาพูดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความปรารถนาดี แต่ถ้าพินิจกันดีๆ ไม่ต่างไปจากการตลบหลัง เพราะถ้าไม่มีการแจ้งความ หรือ ส่งเรื่องให้กกต. นั่นจะเท่ากับเป็นการอ้างเท็จหรือไม่???
(7) 4 มี.ค.63 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จึงต้องร้านอาหาร 28 ที่นั่ง อ้างเพื่อเลี้ยงขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยแบ่งเป็น 2 โต๊ะ มีการระบุชื่อของผู้ที่มาร่วมรับประทานอาหารอย่างชัดเจน
(8) สำหรับโต๊ะ 18 ที่นั่งมีรายชื่อเรียงกัน อาทิ พรรณิการ์ วานิช สุทิน คลังแสง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคนอื่นๆที่เป็นตัวแทขณะที่อีกโต๊ะเป็นแกนนำหลัก เช่น ธนาธร สมพงศ์ อมรวิวัฒน์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปิยบุตร แสงกนกกุล ภูมิธรรม เวชยชัย
(9) เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีชื่อวัฒนา เมืองสุข ต่อมาธนาธร กล่าวขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคที่สละเวลามา และขอความสนับสนุนจากทุกคน ในอนาคตยังต้องสัมพันธ์กับทุกคน จึงขอความกรุณาทำงานด้วยกันต่อ
(10) สมพงษ์ ฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็กล่าวขอบคุณธนาธร และขอให้วางใจ ตนได้คุยกับพิธา จะยืนหยัดต้องต่อสู้กับเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยต่อไป
(11) ขณะพิธา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองแบบนี้ ต้องสามัคคีกันให้มาก พวกตนยืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์จากนั้นธนาธรกล่าวว่า “เลือกตั้งครั้งหน้า เราเป็นรัฐบาลร่วมกันน่าจะดี”
(12) นั่นคืออาหารมื้อสำคัญที่ไม่เพียงเป็นการเคลียร์ใจ หากแต่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวสูตรตั้งรัฐบาลเพื่อไทยร่วมพลังประชารัฐ เพื่อลอยแพอนาคตใหม่?!?
(13) โดยมีจุดที่น่าสนใจกับข่าวสลับขั้วที่ว่ากันว่า เป็นการเดินของใครบางคนในรัฐบาลทั้งยังเป็นคีย์แมนสำคัญในกลุ่มสามมิตร ที่ก่อนนั้นจะปรับเอาประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยออกแล้วดึงเพื่อไทยเข้ามาสลับขั้ว ด้วยเหตุผล เพื่อเสถียรภาพรัฐบาลในภาวะเสียงปริ่มน้ำ???
(14) หากแต่ปัจจุบันอาจต้องเปลี่ยนไป นั่นคือ ประชาธิปัตย์ยังอยู่ ภูมิใจไทยก็ยังอยู่ ด้วยเสถียรภาพรัฐบาลขณะนี้เลยเสียงปริ่มน้ำไปแล้วนั่งเอง!?!
(15) ดังนั้นถ้าจะมีการเสนอดึงพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมรัฐบาล จึงไม่ใช่อยู่ในเงื่อนไขเพื่อเสถียรภาพ หากแต่คือการลอยแพอนาคตใหม่ รวมทั้งธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์???
(17) แม้ยังไม่สรุปถึงการสลับขั้วจะเป็นไปได้มากน้อยก็ไหน แต่เมื่อวันนี้ปรากฏความเคลื่อนไหวของ3เกลอในนัดเคลียร์พร้อมขอแรงหนุนพิธา และยังคล้ายมีคำมั่นจับมือร่วมรัฐบาลในสมัยเลือกตั้งหน้า?!? เช่นนั้น เรื่องเพื่อไทยพลิกร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐก็น่าสนใจและชวนติดตามยิ่งขึ้น!?!
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง