“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ประกาศว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มติดแถบคำเตือนประกาศการโพสต์ที่ละเมิดนโยบายของบริษัท ไม่เว้นแม้แต่”นักการเมือง” หลัง บริษัทโซเชียลมีเดียแถวหน้าของโลก เผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักมากขึ้นกับเรื่องดังกล่าว
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก ประกาศว่า เฟซบุ๊ก จะเริ่มติดแท็ก “Harmful” เตือนโพสต์ที่มีเนื้อหาอันตราย ก่อให้เกิดความโกรธแค้น ซึ่งเป็นพฤติการณ์ละเมิดนโยบายการใช้งานของเฟซบุ๊กอย่างชัดเจน
สืบเนื่องมากจากท่ามกลางกระแสต่อต้าน ชนวนเหตุเรื่องการประท้วงสีผิวครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นผลจากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่ง ทวิตเตอร์ ใช้มาตรการป้องกันการทวีตหลายครั้งของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แต่เนื้อหาแบบเดียวกันนั้นบนเฟซบุ๊ก กลับไม่ได้รับการปิดกั้นแต่อย่างใด
สำหรับการแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบนั้น เฟซบุ๊กจะใช้วิธีขึ้นแถบคำเตือนประกอบการโพสต์และสื่อโฆษณาของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเพจใดเพจหนึ่งที่มีเนื้อหาชี้นำ อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊ก ยังได้อ้างอิงสถิติของคณะกรรมาธิการยุโรปว่า เฟซบุ๊ก ปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาลักษณะนี้ 86% เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 3.4% จากสถิติของปี 2561
ทั้งนี้ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ระงับการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก เพื่อประท้วงกรณีที่เฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอกับการโพสต์ข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง
ซัคเคอร์เบิร์ก เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มปรับปรุงนโยบายต่อต้านการโพสต์ข้อความที่สร้างความเกลียดชัง และข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หลังจากกว่า 100 บริษัท เข้าร่วมคว่ำบาตรโฆษณาสินค้าบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก
บริษัทผู้โฆษณามากกว่า 90 แห่ง รวมถึง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นของ Honda , Unilever’s , Ben & Jerry’s , Verizon Communications Inc และ The North Face ซึ่งเป็นหน่วยงานของ VF Corp ก็ได้เข้าร่วมแคมเปญรณรงค์ “Stop Hate for Profit” ด้วย
มีรายงานอีกว่า Coca-cola ได้ประกาศวานนี้ว่า จะระงับการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียทั้งหมดทั่วโลก เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน โดยระบุว่าบริษัทไม่ได้เข้าร่วมการบอยคอต แต่เป็นเพียงการหยุดโฆษณาชั่วคราวเท่านั้น