จากกรณีของ “เบนซ์ เรซซิ่ง”อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อดีตสามีของดาราชื่อดัง “แพท ณปภา” ที่ล่าสุดถูกจับในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง ได้เข้าดำเนินการในที่เกิดเหตุ บนถนนวิภาวดี ก่อนจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
โดยพ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 25 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี ว่ามีการนำตัวผู้ต้องหา 8 ราย และยึดรถจยย. 6 คัน ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย มาควบคุมไว้ที่ สน. โดย 1 ในนั้นมี นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง
สืบเนื่องจากตำรวจสน.วิภาวดี ได้ทำการจับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์จำนวน 7 คัน ที่ขับขี่แข่งกันมาด้วยความเร็ว บริเวณโรงแรมรามาการ์เด้น ในช่องทางด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. โดยมีนายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อยู่ในกลุ่มด้วย ซึ่งจากการสอบสวนได้ให้การปฏิเสธ อ้างว่าแค่ขับตามกันมาเฉย ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอสอบสวนและการประกันตัว
ต่อมามีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าก่อนเกิดเหตุวันนี้ นายอัครกิตติ์ ซึ่งเคยได้รับการประกันตัวคดีฟอกเงินที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 8 ปี และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีด้วยหลักทรัพย์ 1 ล้านบาท พร้อมการติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ได้มายื่นคำร้องขอปลดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 ให้เหตุผลว่า ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ เพราะต้องทำงานโดยการแข่งรถ กำไลอีเอ็มเป็นอุปสรรคในการใส่ชุดแข่งที่ออกแบบเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ
อีกทั้งการสวมกำไลทำให้มีอาการเจ็บบริเวณข้อเท้าจากการกดทับที่เป็นระยะเวลานาน รวมทั้งพบว่าตัวเครื่องมีปัญหาเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เรื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่ ประกอบกับต้องเดินทางออกต่างจังหวัด บางครั้งติดต่อกันหลายอาทิตย์ ซึ่งด้วยข้อบังคับและกฎทำให้ไม่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้ โดยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวต้องใช้เวลานาน แต่หากมีการปลดอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วจะทำให้สามารถเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอดปีจำนวนมาก
ขณะเดียวกันยังต้องไปศึกษากฎหมายเพิ่มเติมที่ ม.รามคำแหง ส่วนหลักประกันที่ใช้เป็นหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่ามากกว่าวงเงินประกันของศาลที่ตีราคาพอสมควร และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาต โดยในวันเดียวกันศาลได้พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า นายอัครกิตติ์ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และหลักประกันมีมูลค่าเพียงพอที่จะบังคับคดี หากเกิดกรณีผิดสัญญาประกัน จึงอนุญาตให้ปลดกำไลอีเอ็มโดยให้จำเลยรายงานตัวต่อศาลทุก 2 เดือนแทน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ได้ครบกำหนดการรายงานตัวครั้งล่าสุด แต่ นายอัครกิตติ์ ไม่ได้มาตามนัด โดยวันที่ 25 มิ.ย. ทนายความนายอัครกิตติ์ มายื่นคำร้องต่อศาลมาขอเลื่อนการรายงานตัว ซึ่งยังไม่ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งอย่างไร ซึ่งจะต้องติดตามคำสั่งอีกครั้งว่ากรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายการผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่
ทั้งนี้นายอัครกิตติ์ กล่าวว่า กรณีหลังจากเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ตนและพวกให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยและพวกตนทุกคนให้การปฏิเสธโดยเฉพาะเรื่องการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอใช้สิทธิ์ไปต่อสู้ในชั้นศาล ส่วนตัวตนคิดว่าพฤติการณ์ของพวกตนไม่เข้าข่ายการกลับกลุ่มมั่วสุมในที่แออัด ข้อเท็จเรื่องเกิดขึ้น ตนกับน้องๆออกไปกินหมูกะทะ ทั้ง 6 คนไม่ได้ออกไปพร้อมกัน แต่กลับทางเดียวกันใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อแยกย้ายกลับบ้าน โดยระหว่างทางไปเจออุบัติเหตุ พวกตนจึงจอดให้การช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเคลียร์ทาง จากนั้นขอตรวจเช็คใบขับขี่ และเขียนใบสั่งตามปกติ แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่กล่าวหาว่าพวกตนฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงให้การปฏิเสธ พร้อมพิสูจน์ตนเองในชั้นศาล
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. ที่ผ่านมา ศาลอาญา มีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว เบนซ์ เรซซิ่ง โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า นายอัครกิตติ์มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม ทำให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมมาคุมตัวนายอัครกิตติ์ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ